พาเที่ยว เวียงกุมกาม นครโบราณใต้พิภพ จ.เชียงใหม่

ไปเที่ยวเชียงใหม่แบบสายฟ้าแลบ 2 วัน 1 คืน เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 2554 ที่ผ่านมา จากกรุงเทพฯ - เชียงใหม่ ขึ้นรถทัวร์ First Class ของนครชัยแอร์ตอนค่ำๆ มาถึงเชียงใหม่เช้าตรู่ เอาของเข้าที่ัพัก โทรหาเพื่อนสาวที่อยู่เชียงใหม่ ออกไปหาอะไรทานกัน ต่อด้วยพาไปเที่ยวเวียงกุมกาม นครโบราณใต้พิภพ ซึ่งเคยได้ยินชื่อ แต่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเป็นยังไง เวลา 2 วัน 1 คืนก็คุ้มนะ ทานข้าวและเที่ยวกับเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนาน ^_^ ตามมาเที่ยวเวัยงกุมกามที่เชียงใหม่กันเลยค่ะ

เพื่อนมารับออกไปหาอะไรทานกันมื้อกลางวัน แถวถนนนิมมานเหมินทร์ ที่ร้าน The Salad Concept ร้านอยู่บนถนนนิมมานฯ ปากซอย 13 รีวิวร้านนี้ไว้แล้วที่ >> พากิน สลัดเพื่อสุขภาพที่ The Salad Concept จ.เชียงใหม่ อิ่มอร่อย ^_^

จากมื้อกลางวันก็มุ่งหน้าไปที่เวียงกุมกาม ที่อยู่ที่อำเภอสารภี

บริเวณด้านใน เข้าไปเงียบมาก มีร้านค้าอยู่ด้านข้างนิดหน่อย

อาคารตรงนี้สวยดีเหมือนกัน

เราต้องไปติดต่อสอบถามที่ด้านข้าง ที่นี่จะมีบริการนำเที่ยว ด้วยรถสองแบบคือ รถม้า และ รถราง รถม้าค่าบริการ 200 บาท ถ้าเป็นรถรางจะตามจำนวนคน

  • 1 - 10 คน ราคา 300 บาท
  • 11 - 15 คน ราคา 350 บาท
  • 16 - 20 คน 400 บาท

รถรางที่จะนำเที่ยว

เรามากัน 2 คนก็เลยใช้บริการรถม้า ดูคลาสสิคดี แต่สงสารม้าเหมือนกัน ที่จะต้องลากสาวตัวอ้วนๆ อย่างเรา >_<

เราออกเดินทางจากบริเวณนั้น เข้าไปในเวียงกุมกาม ซึ่งในปัจจุบัน ก็เป็นพื้นที่บ้านและสวนของชาวบ้านแถวนั้น ซึ่งหลังจากมีการขุดค้นพบ เมืองเก่าใต้ดิน บางคนก็บริจาคที่ดินและสวนให้ทางราชการ และ กรมศิลปากรกำลังจะดำเนินการเวรคืนที่ดินในบริเวณนี้

บริเวณแรกที่เรามาถึง วัดกู่ป้าด้อม เดิมบริเวณนี้เป็นบ้านของชาวบ้าน แต่ถูกขุดเจอกำแพงโดยบังเอิญ เมื่อรู้ว่าด้านล่างคือวัด เจ้าของที่ก็ได้ย้ายออกไป และกรมศิลปากรมีการขุดเพิ่มเติม บริเวณที่สร้างศาลาคลุมไว้ บริเวณนั้นคือฐานของโบสถ์

ทางที่เราเข้าไปสองข้างก็เป็นบ้านของชาวบ้าน และสวนลำไย สถานที่ที่ขุดค้นพบมีสถานที่สำคัญถึง 40 แห่ง กินบริเวณกว้าง ส่วนใหญ่ที่เราได้เห็นจะเป็นวัด จากหลักฐานที่ค้นพบ เวียงกุมกาม สร้างขึ้นในสมัยพญามังราย ก่อนที่จะมีการสร้างเมืองเชียงใหม่ ซึ่งในขณะนั้นพญามังรายคิดจะสร้างเมืองขึ้น ก็เลยใช้พื้นที่บริเวณนี้สร้าง เวียงกุมกามขึ้น แต่ก็สร้างไม่สำเร็จเพราะบริเวณนี้มีน้ำท่วมทุกปี จนเมื่อครั้งน้ำท่วมใหญ่ เมืองนี้ก็จมอยู่ใต้บาดาล ตะกอนพากันทับถม เมื่อน้ำแห้ง เมืองนี้ก็กลายเป็นเมืองร้างที่อยู่ใต้ดิน จนเวลาผ่านล่วงเลยมา เมื่อสร้างเมืองไม่สำเร็จพญามังราย ก็ไปปรึกษา กับพ่อขุนรามคำแหง และ พญางำเมือง จึงได้ย้ายที่ไปสร้างเมืองเชียงใหม่ ที่เป็นคูเมืองเก่าในปัจจุบัน

บริเวณที่เห็นด้านใน เป็นวัดหนานช้าง แต่เดิมเป็นที่ของหนานช้าง เจ้าของที่ดินบริจาคที่ดินให้กรมศิลปากร จึงตั้งชื่อวัดตามเจ้าของที่ดิน

ไกด์จะพาเรานั่งรถม้าไปเรื่อยๆ เมื่อถึงจุดสำคัญก็จะจอดและอธิบายว่าส่วนนี้คืออะไร ในบริเวณนี้ คือ วัดอีค่าง หรือ วัดอีก้าง แต่เดิมจะมีแค่ส่วนของเจดีย์โพล่พ้นพื้นดินขึ้นมา แต่ชาวบ้านก็คิดว่าเป็นเพียงเจดีย์เก่าที่อยู่กลางสวน แต่เมื่อบังเอิญขุดลงไป ปรากฏว่าด้านล่างเป็นฐาน กรมศิลปากรจึงขุดบริเวณรอบๆ ก็พบว่าบริเวณนี้คืออีกวัดหนึ่งในเวียงกุมกาม

บริเวณเจดีย์ชัดๆ ไกด์อธิบายละเอียดดี ถึงแม้ว่าจะพูดไทยไม่ค่อยชัด อธิบายศิลปต่างๆ ของสถานที่ แต่เราจำรายลำเอียดได้ไม่หมด

บริเวณโดยรอบวัด จะเห็นว่ารอบๆ เป็นสวนลำไย มีการขุดลงไปจากพื้นดินไปประมาณ 50 เซนติเมตร - 1 เมตร

ตรงหลังคาจะแสดงให้เห็นชั้นดิน เมื่อมีการเกิดน้ำท่วมใหญ่ และมีตะกอนทับถมบริเวณนี้เป็นชั้นๆ แทนน้ำท่วมใหญ่แต่ละครั้ง

ซากโบราณ

วัดปู่เปี้ย อยู่ด้านทิศตะวันตกของเวียงกุมกาม อยู่ลึกจากพื้นดินลงไป 2 เมตร

 บริเวณรอบๆ จะเห็นฐานของโบสถ์และวิหารภายในวัด

วัดธาตุขาว บริเวณนี้จะมีพระพุทธรูปด้วย เรียกว่าหลวงพ่อขาว

วัดธาตุขาว เป็นชื่อเรียกตามคนท้องถื่น หมายถึงเจดีย์สีขาว ซึ่งคงจะมาจากสีขาวของปูนที่ฉาบเมื่อครั้งเจดีย์ยังคงสภาพดีอยู่ กรมศิลปากรเข้าดำเนินงานขุดแต่งเมื่อปี 2528 พบวิหารอยู่ด้านหน้าของเจดีย์ ถัดไปทางด้านหลังของเจดีย์เป็นแท่นบูชา วัดนี้หันไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ทางด้านทิศใต้ของวิหารพบซากฐานอาคาร สัณนิษฐานว่าเป็นพระอุโบสถ ด้านหลังของอุโบสถพบพระพุทธรูปสร้างจากอิฐหุ้มด้วยปูนขาว

หลวงพ่อขาว เราสามารถลงไปสักการะได้ มีดอกไม้ธูปเทียนจำหน่ายอยู่ด้านหน้า เมื่อครั้งขุดค้นพบแรกๆ พบพระพุทธรูปที่มีแต่ส่วนลำตัว ไม่มีเศียร สัณนิษฐานว่าถูกตัดไปเมื่อครั้งสงครามกับพม่า ชาวบ้านเลยร่วมกันสร้างเศียรพระขึ้นมาใหม่ และเป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านแถวนั้น

ประวัติวัดธาตุขาว

วัดต่อมาคือวัดเจดีย์เหลี่ยม วัดนี่แตกต่างจากวัดอื่นๆ คือ สภาพวัดยังสมบูรณ์และไม่ได้เป็นซากปรักหักพัง ที่อยู่ใต้ดินเหมือนวัดอื่นๆ เป็นประตูสู่เวียงกุมกาม

แต่เดิมวัดนี้ชื่อวัด กู่คำ คำว่า กู่ = พระเจดีย์ คำ = ทองคำ เป็นวัดที่พญามังรายสร้างขึ้นเ

วิหารของวัดสวยงาม ด้วยสถาปัตยกรรมแบบล้านนา ถึงบริเวณนี้คนรถจะหยุดพัก ให้เราเดินชมวัดนี้ได้ตามสะดวก

ด้านหลังวิหารจะมีเจดีย์ ตามชื่อวัดเจดีย์เหลี่ยม เป็นเจดีย์สี่เหลี่ยม มีมณฑป 5 ชั้น

เป็นเจดีย์ที่มีสถาปัตยกรรมตามแบบหริภุญไชย(ลำพูน) เพราะผู้สร้างคือพญามังราย กษัตริย์แห่งนครหริภุญไชยเป็นคนโปรดให้สร้างขึ้น

ด้านหลังของวิหาร

วิหารสวยงาม

รถม้าที่เรามา บริเวณนี้จะมีผลไม้ขาย สามารถซื้อให้ม้ากินได้

 จากเวียงกุมกาม เดินทางกลับมาในเมืองเชียงใหม่ ฟ้าใสและแดดร้อนมากๆ

มาต่อกันที่สปาปลา เพราะเพื่อนมี Voucher ของที่นี่อยู่

ก่อนลงก็มีพนักงานมาทำความสะอาดเท้าให้ เลือกบ่อได้ตามใจชอบว่าจะนั่งตรงไหน นั่งห้อยขาแช่เท้าลงไป ปลาก็จะมาตอดๆ เพื่อกินหนังที่เสื่อมสภาพที่ขาและที่เท้าเราออกไป ปลาก็มาตอดหนุบๆ เพลินดี นั่งคุยกันเพลินๆ

เรานั่งหันหน้าออกมาทางถนนช้างคลาน ด้านหน้าจะเป็นกระจกใสบานใหญ่

กลับที่พัก ผ่านสะพานนวรัฐ

เราพักอยู่บนถนนเส้นนี้ จะมีต้นยางเก่าแก่อายุเป็นร้อยๆ ปีต้นใหญ่ๆ อยู่สองข้างทาง

เช้าวันต่อมาก่อนกลับ ไปแวะซื้อไส้อั่วที่กาดวโรรส หรือ ตลาดวโรรส ผ่านตลาดดอกไม้ ตลาดผลไม้ ถ้าช่วงที่เป็นหน้าสตรอเบอรี่ ที่นี่มีสตรอเบอรี่ขายเยอะเหมือนกัน

มาที่ตลาดวโรรส มุ่งหน้าไปที่ร้านดำรงค์ ซื้อแคปหมูและไส้อั่ว

ข้างๆ ตลาดวโรรสเชื่อมต่อกัน ก็จะเป็นตลาดต้นลำไย

เดินข้ามสะพานมารอฝั่งตรงข้าม ตรงนี้จะเป็นสะพานข้ามแม่น้ำปิงไปยังฝั่งวัดเกตการาม ลงสะพานนี้ไปเลี้ยวขวาไปหน่อยก็จะเป็นร้าน เวียงจูมออน

เพิ่งเห็นว่าตรงนี้เป็นท่ารถเชียงใหม่-ลำพูน ถ้าไปเที่ยวเองครั้งหน้าแล้วไม่มีรถ จะมาขึ้นรถนี้ไปเที่ยวพระธาตุหริภุญชัยที่ลำพูนดีกว่า ^_^

เดินทางกลับด้วยสายการบินนกแอร์ ด้วยตั๋วราคาโปรโมรชั่น 999 บาท แพงกว่าค่ารถทัวร์ 100 กว่าบาท แต่เร็วกว่าเยอะเลย ไม่ต้องนั่งเมื่อย กัปตันเที่ยวนั้นที่เราขึ้น ขับได้หวาดเสียวดี ลดระดับวืดๆ

ถึงแม้จะเป็น Low Cost ก็มีของว่างให้ด้วยนะ ^_^ ขนมของ Auntie Anne's ชิ้นเล็กๆ ชิ้นนึงกับน้ำเปล่า แค่นี้ก็ OK แล้ว Airasia น่าจะมีแบบนี้บ้าง

เชียงใหม่เที่ยวได้เรื่อยๆ ไม่มีเบื่่อ แค่เวลา 2 วัน 1 คืน ไปเชียงใหม่ก็ถือว่าคุ้มแล้ว ถึงแม้จะไม่ได้เที่ยวเยอะก็ตาม ต้องขอบคุณเพื่อนสาวแสนสวยด้วยที่พาเที่ยว ^_^

ขอบคุณที่มาเยี่ยมชม Blog ของ bombik ค่ะ แล้วแวะมาอีกนะคะ ^_^

 

Powered by Drupal, an open source content management system

Copyright © 2009 bombik - Theme ported to Drupal by kong
CSS Templates by Inf Design - Valid XHTML & CSS