ดองไว้นามากๆ เพิ่งจะมีเวลา Up =.= ไปเชียงใหม่มาเมื่อกลางเดือนมีนาคม เริ่มเข้าสู่หน้าร้อนแล้วแต่อากาศก็ัยังเย็นๆ เวลาอยู่ในร่ม แต่ถ้าออกกลางแดดก็ร้อนพอๆ กับกรุงเทพ ไปเที่ยวมา 2 วัน เพราะมีเวลาแค่เสาร์อาทิตย์ >_< วันแรก ไหว้ครูบาศรีวิชัย ขึ้นไปนมัสการพระธาตุดอยสุเทพ ดอยปุย และพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ วันที่ 2 สวนสัตว์เชียงใหม่ดูหลินปิง หมู่บ้านทำร่มบ่อสร้าง และตอนเย็นเดินเที่ยวถนนคนเดิน ส่วนใหญ่ก็เที่ยวอยู่แต่ในเมืองเพราะมีเวลาน้อย ว่าจะแบ่งรีวิวเป็นที่ที่ จะได้พาเที่ยวกันให้เต็มอิ่ม รูปอาจจะเยอะ โหลดช้าก็ต้องขออภัยนะคะ ![]()

มีเวลาเที่ยวแค่ 2 วันเสาร์-อาทิตย์ การเดินทางให้เร็วที่สุดคือขึ้นเครื่องไป เนื่องจากไม่ได้วางแผนไว้ก่อนก็เลยไม่ได้จองตั๋วล่วงหน้า ยิ่งจองใกล้วันเดินทางค่าตั๋วจะแพงขึ้น แต่เพราะเป็น Low Cost ราคาก็ไม่แตกต่างจากราคาค่าโดยสารรถทัวร์เท่าไหร่ ราคาส่วนต่างก็ถือว่าซื้อเวลาและความสะดวก ที่สำคัญไม่ต้องนั่งนานให้เมื่อยก้น แต่ถ้าวางแผนล่วงหน้าได้นานๆ มีโปรโมรชั่น ราคาตั๋วเครื่องบินถูกกว่าราคาตั๋วรถเมล์อย่างน่าใจหาย ครั้งนี้เดินทางเย็นวันศุกร์ กลับกลางคืนวันอาทิตย์
งานนี้เดินทางคนเดียว ไปขึ้นเครื่องที่สุวรรณภูมิประมาณหกโมงครึ่ง ถึงสนามบินเชียงใหม่สองทุ่ม มีช่วงๆ กับหลินฮุ่ยมาต้อนรับ
จากสนามบินก็มุ่งหน้าไปทานมื้อเย็นกันที่ร้านเหม่ยเจียง และไปทานนมกันต่อที่ร้านมนต์นมสด
แล้วก็เข้าที่พัก ปางวิมานเพลสอยู่แถวๆ ถนนต้นยาง ซึ่งพี่เขาพักกันมาหลายคืนแล้ว ในห้องก็เรียบง่าย ห้องพักก็ตามรูปด้านล่าง

หลังจากทานข้าวเช้าแล้วก็มุ่งหน้าขึ้นดอยสุเทพ ที่เรียกถนนสายนี้ว่าถนนต้นยางก็คงเป็นเพราะถนนนี้มีต้นยางต้นใหญ่ๆ เรียงอยู่สองข้างทาง อายุแต่ละต้นน่าจะประมาณร้อยๆ ปี เพราะต้นมันใหญ่มากๆ เช้านี้อากาศเย็นๆ สบายๆ มีหมอกเล็กน้อยหรือจริงๆ มันอาจจะเป็นจากการเผาป่า เพราะว่าช่วงนั้นมีไฟใหม้ป่า ทำให้มีควันปกคลุมหลายจังหวัดทางภาคเหนือ
แวะซื้อเสบียงกับที่ 7-Eleven ก่อนมุ่งหน้าขึ้นดอย สะพานเหล็กแห่งเดียวในจังหวัดเชียงใหม่?
บริเวณนั้นจะมีรถสองแถวโดยสารสีฟ้า เชียงใหม่-ลำพูนจอดอยู่
เส้นทางดอยสุเทพก็จะผ่านไปทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผ่านสวนสัตว์เชียงใหม่ อนุเสาวรีย์ครูบาศรีวิชัยเราแวะนมัสการครูบาศรีวิชัยเป็นศิริมงคลก่อนขึ้นดอย
ขึ้นดอยมาเรื่อยๆ ก็ถึงวัดพระธาตุดอยสุเทพ จะมีที่จอดรถอีกฝั่งหนึ่งของถนน หลังจากนั้นก็เดินข้ามมา ก่อนทางขึ้นมีร้านขายของเต็มไปหมด เหมือนกับตลาดนัดย่อยๆ มีเด็กใส่ชุดชาวเขาด้วย ถ้าใครจะถ่ายรูปก็ต้องจ่ายเงินให้เขา

บันไดนาควัดพระธาตุดอยสุเทพ เป็นทางขึ้นเพื่อไปสู่วัดบนยอดดอยมีประมาณ 180 กว่าขั้น ถ้าเป็นผู้สูงอายุหรือขึ้นไม่ไหวจริงๆ ก็มีรถรางไฟฟ้าเสียค่าบริการ 20 บาท แต่เดินขึ้นได้บรรยากาศดี
กว่าจะเดินขึ้นไปถึงก็ทำเอาเหงื่อตกเหมือนกัน ในภาพจะเห็นผู้ชายเสื้อสีน้ำเงินๆ ขาเขาพิการทั้งสองข้าง ใช้ไม้เท้ายันยังมีมานะที่จะึขึ้นไป เห็นแล้วก็อืม..ขนาดเขายังสู้เลยแล้วเราล่ะ หอบแฮ่กๆ หยุดพักเป็นช่วงๆ ![]()
ในที่สุดก็ขึ้นมาถึงด้านบน จริงๆ เดินเรื่อยๆ ก็ไม่เหนื่อยมาก ด้านบนรอบๆ พระธาตุจะเป็นลาน หากจะขึ้นไปนมัสการพระธาตุก็ต้องถอดรองเท้า เพราะห้ามใส่รองเท้าขึ้นไป พระธาตุดอยสุเทพสร้างมาตั้งแต่ปี พศ.1929 เก่าแก่มาก..โดยพระเจ้ากือนาแห่งอณาจักรล้านนา เป็นวัดที่ชาวเชียงใหม่ให้ความเคารพนับถือมากถือว่าเป็นวัดคู่เมืองเชียงใหม่เลยก็ว่าได้ ใครมาถึงเชียงใหม่แล้วไม่มาที่นี่จะถือว่ามาไม่ถึงเชียงใหม่
ปู่ฤษี
ท้าวเวสสุวรรณ
ขึ้นมาด้านบนเืพื่อนมัสการพระธาุตุ ตอนนี้พระเจดีย์กำลังทำการซ่อมแซมแต่ก็ยังเห็นถึงความสวยงามของพระเจดีย์สีทอง ส่วนพระธาตุจะอยู่ใต้ฐานของเจดีย์ ดังนั้นรอบในของพระธาตุจึงห้ามผู้หญิงเข้าไป ความเชื่อในเรื่องพระธาตุประจำปีเกิด ว่าในปีเกิดแต่ละปีอย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิตจะต้องไปนมัสการพระธาตุประจำปีเกิดสักครั้ง พระธาตุดอยสุเทพเป็นพระธาตุประจำปีมะแม

ส่วนพระธาตุประจำปีเกิดอื่นๆ คือ
- ปีชวด = พระธาตุศรีจอมทอง จ.เชียงใหม่
- ปีขาล = พระธาตุช่อแฮ จ.แพร่
- ปีเถาะ = พระธาตุแช่แห้ง จ.น่าน
- ปีมะโรง = พระพุทธสิหิงค์ วัดพระสิงห์ จ.เชียงใหม่
- ปีมะเส็ง = พระเจดีย์ศรีมหาโพธิ ที่พุทธคยา หรือไหว้ต้นโพธิ์วัดโพธารามมหาวิหาร
- ปีมะเมีย = พระธาตุเจดีย์ชเวดากอง ประเทศพม่าหรือวัดพระบรมธาตุ จ.ตาก แทน
- ปีมะแม = พระธาตุดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่
- ปีวอก = พระธาตุพนม จ.นครพนม
- ปีระกา = พระธาตุหริภุญชัย จ.ลำพูน
- ปีจอ = พระธาตุเกศแก้วจุฬามณี บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ สามารถบูชารูป หรือไปไหว้พระเจดีย์ที่วัดเกตการาม จ.เชียงใหม่ แทน
- ปีกุน = พระธาตุดอยตุง จ.เชียงราย
อ่านข้อมูลพระธาตุประจำปีเกิดเพิ่มเติม
พระปางต่างๆ
ที่ชายคาจะมีกระดิ่งหรือระฆังเล็กๆ ห้อยอยู่เต็มไปหมด เป็นระฆังที่ผู้มานมัสการพระธาตุห้อยไว้
จะมีการเขียนชื่อตนเองและนำเอาไปห้อยไว้ที่ชายคาหรือรั้วรอบๆ พระบรมธาตุ
พระพุทธรูปที่อยู่ด้านในอุโบสถ บริเวณนี้จะมาผูกสายสิญจน์ที่ข้อมือเพื่อเป็นศิริมงคลได้ ถ้าเป็นผู้ชายพระจะเป็นคนผูกให้ ถ้าเป็นผู้หญิงก็จะมีผู้ถือศีลผูกให้
พระพุทธรูปศิลปะเชียงแสน พระโอษฐ์(ปาก)เป็นสีแดงด้วย
รอบๆ พระธาตุจะมีแบบนี้ตั้งอยู่ทั้งสี่ด้าน สวยดี
ตรงนี้มีผู้นำเหรียญมาแปะไว้เต็มไปหมด
พระพุทธรูปต่างๆ ที่อยู่บริเวณรอบๆ สวยงามและบางองค์แปลกดีไม่เคยเห็นมาก่อน

ด้านข้างก็จะมีพระพุทธรูปเรียงกันแบบในภาพ
ในแต่ละส่วนทั้งพระพุทธรูปและลวดลายที่แกะบนสิ่งของและอาคารสถานที่สวยงามละเอียดและประณีตมาก

ประตูทางขึ้นลง ที่ลานด้านล่างก็จะมีการแสดงของเด็กๆ
การแสดงของเด็กๆ จะมีกล่องรับบริจาคเงินอยู่้ด้านหน้า

ฆ้อง มีป้ายเตือนไว้ว่าอย่าตีแรง
เดินมาด้านข้างจะมีระฆังแขวนอยู่เรียงราย เชื่อกันว่าการตีระฆังเป็นการตีเพื่อบอกให้เทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิรับรู้ว่าเราได้มานมัสการพระธาตุดอยสุเทพแล้ว เพื่อเป็นการอนุโมทนาบุญ อีกทั้งความเชื่อที่ว่าตีเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาพระพุทธเจ้าจะทำให้เรามีชื่อเสียงเกียรติยศเหมือนเสียงระฆังที่ดังกังวาลทั้งชาตินี้และชาติหน้า บางความเชื่อก็ว่าตีเพื่อที่จะได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง
ลวดลายเก่าแก่บนบานประตูสวยงามมาก
ส่วนนี้ถ้าจำไม่ผิดจะเป็นวิหารของพระเจ้ากือนา ทำด้วยไม้สักทั้งหลัง ด้านหน้าตรงบันไดทางขึ้นจะมีรูปปั้นคล้ายๆ สิงโตกับแมวผสมกัน เขียนบอกไว้ว่า ตัวมอม เป็นสัตว์ในตำนานเป็นตัวเฝ้าศาสนสถานต่างๆ

ด้านหลังพระธาตุจะมีลาน สามารถเดินออกไปมองวิวมุมสูงที่เป็นเทือกเขา
แต่วันนั้นมีหมอกควันทำให้ทัศนวิสัยไม่ดีนัก
ต้นสนขนาดใหญ่ที่ขึ้นอยู่ในวัด
ด้านข้าง
ระฆังที่แขวนเรียงรายอยู่รอบๆ
จากนั้นเดินอ้อมมาด้านหลังเพื่อเดินชมรอบๆ
ด้านหลังนี้มีทางขึ้นสำหรับรถเข็นด้วย สำหรับคนที่นั่งรถเข็นก็สามารถขึ้นไปนมัสการพระธาตุได้
ระฆังใบใหญ่ อ้อมมาอีกด้านก็กำลังทำการปรับปรุงอยู่ ด้านข้างมีร้านกาแฟให้บริการด้วย
เดินชมความสวยงามของวัดสักพักก็ลงมา ด้านล่างก็มีของที่ระลึกขาย และก็มีกระดิ่งขายด้วย
แวะซื้อเสื้อเชียงใหม่มาใส่เล่นๆ คนละตัว น้องเขาบอกว่าทำขายเอง
หลังจากที่นมัสการพระธาตุประจำปีเกิดของตัวเองแล้ว ตอนต่อไปเราจะเดินทางขึ้นไปพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์กันนะคะ
ขอบคุณที่มาเยี่ยมชม Blog ของ bombik ค่ะ





