จากตอนที่1 เดินดูของกินในตลาดแล้ว
มาต่อกันที่ตอน 2 นะคะ จะพาลงเรือไปชมสองฝั่งคลองลาดชะโดค่ะ
เดินชมตลาดเสร็จ ก็ย้อนกลับมาที่ท่าเรือ เพื่อขึ้นเรือล่องชมลำคลองลาดชะโด
มองขึ้นไปจากเรือจะเห็นว่าตลาดเป็นเรือนไม้ชั้นเดียวยกพื้นสูง เวลาหน้าน้ำ ประมาณตั้งแต่กันยายนถึงปลายปีน้ำจะขึ้นตลาดก็จะกลายเป็นตลาดกลางน้ำ เช่นเดียวกับหมู่บ้านก็จะกลายเป็นหมู่บ้านกลางน้ำ
ตอนลงเรือคนที่ว่ายน้ำไม่เป็นให้แจ้งเจ้าหน้าที่ มีป้าคนนึงบอกว่าถ้าว่ายน้ำไม่เป็นจะมีเสื้อชูชีพให้ใส่ด้วย แต่ที่เราไปไม่เห็นมี
บรรยากาศริมคลอง
สะพานไม้
กระชังปลา เห็นมีอยู่หน้าบ้านเกือบทุกบ้าน คงเนื่องมาจากอาชีพหลักคือการหาปลา ซึ่งมีอยู่มากคลองลาดชะโดนี้
บ้านริมคลอง
สะพานปูนแบบนี้มีให้เห็นโดยทั่วไป เชื่อมทุกบ้านเข้าด้วยกัน เป็นเส้นทางคมนาคมในชุมชนชาวลาดชะโด
บ้านริมน้ำ ส่วนใหญ่จะมีระเบียงที่ไว้นั่งรับลมเย็นๆ
คลองลาดชะโด แต่ก่อนชื่อคลองบางคลี่ เป็นคลองธรรมชาติ มีระยะทางกว่า 25 กิโลเมตร เดิมเป็นย่านการค้าระหว่าง อ.ผักไห่ กับ อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี ปัจจุบันมีชื่ออย่างเป็นทางการว่าคลองระบายน้ำสุพรรณ
นอกจากคลองใหญ่แล้วก็ยังแยกสาขาเป็นคลองเล็กๆ
ชอบสะพานมาก เป็นสะพานที่เก่าแก่ดูสวยดี
ยอ
ยอที่มีกันแทบจะทุกบ้าน อดคิดไม่ได้ว่าที่นี่ปลาชุมขนาดที่ยกยอแล้วได้ทุกวัน
ตอนที่นั่งเรือเห็นบ้านหนึ่งกำลังยกยอ ก็ได้ปลาประมาณ 3-4 ตัวต่อครั้ง
การสัญจรก็ยังใช้เรือพายอยู่
ผักปลอดสารพิษที่ปลูกไว้กินเองภายในครัวเรือน ใช้พื้นที่คุ้มจริงๆ
ตรงนี้ไม่มีบ้านแต่ก็มีคนมาทำยอไว้
อาชีพหลักน่าจะเป็นการหาปลา ซึ่งในตลาดก็จะมีปลาเค็มฝีมือชาวบ้านขายด้วย
นั่งเรือลมเย็นๆ ชมสองข้างทางได้บรรยากาศดีจริงๆ
เรือท้องแบนที่พาเราชมลำคลอง จะขับไปช้าๆ ได้ระยะหนึ่งก็วนกลับ ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
ตลาดลาดชะโดมองจากในคลอง
เรือจะผ่านตลาดและไปที่หน้าโรงเรียนเพื่อจอดให้อาหารปลา
ศาลาหน้าโรงเรียน
ตรงข้ามโรงเรียนก็เป็นสถานีตำรวจ
เนินดินบริเวณนี้ คนขับเรือบอกว่าจะทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้ข้ามมาชมกัน แต่ไม่ทราบว่าเป็นอะไร
แพริมน้ำ ที่จะจัดทำเป็นโฮมสเตย์ ให้นักท่องเที่ยวมาพักผ่อน
กลับขึ้นมาในตลาด เดินผ่านตลาดจะมีแยกเขียนบอกทางไว้ว่าโรงเรียน เราจะไปชมโรงเรียนกัน
มีสะพานข้ามแบบนี้
จุดเด่นของอาคารคือเป็นอาคารไม้เก่าแก่ ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย
เดินมาก็จะเจอร้านผัดไทอยู่ในโรงเรียน ซึ่งอาจารย์และนักเรียนเป็นคนทำขาย เห็นอาจารย์เล่าว่าเป็นการรองรับการประเมินคุณภาพในโรงเรียน เป็นกิจกรรมที่นักเรียนทำ เมื่อมีการเปิดตลาดลาดชะโดในรูปแบบการท่องเที่ยว ก็นำมาขายเพื่อเพิ่มรายได้ในวันเสาร์ อาทิตย์
หน้าตาของผัดไท
ซื้อกลับมา 2 กล่องกล่องละ 20 บาท อร่อยใช้ได้ทีเดียว มีมะม่วงฝอยเพิ่มความเปรี้ยวแทนมะนาว
ตัวอาคารเรียนเป็นแบบยกพื้นชั้นเดียว
อาคารทอดตัวยาวเป็นรูปตัว E เป็นอาคารเรียนที่ยาวที่สุดในประเทศไทย
สะพานไม้หน้าโรงเรียน
ชมโรงเรียนแล้ว ก็ต่อด้วยการไหว้พระ เพราะอยู่บริเวณเดียวกัน
มีรูปปั้นนี้อยู่ข้างๆ กำแพงโบสถ์ ไม่ทราบว่า คือใคร
ไหว้พระ เสี่ยงเซียมซี
ของกินที่หอบหิ้วมาจากตลาดค่ะ
การเดินทางไปยังตลาดลาดชะโด จากกรุงเทพฯ หากขับรถมาเอง จริงๆ มาได้หลายทาง มาให้ถึงตัวอำเภอผักไห่ก่อน จากตลาดผักไห่ มุ่งหน้าไปยังอำเภอวิเศษชัยชาญ มาประมาณ 500 เมตรจะถึงทางแยกเข้าลาดชะโดซ้ายมือ สังเกตด้านซ้ายจะมีหมู่บ้านอยุธยาคันทรีโฮมและร้าน Coffe Today ข้ามคลองไปมีร้านเปรี้ยวปาก และเจอทางเลี้ยวซ้ายไปลาดชะโด จากปากทางเข้าไปอีกประมาณ 4-5 กิโลเมตร ไม่เกิน 10 นาทีก็ถึง
หรือหากมาจากถนนสายเอเชียผ่านอยุธยา บางปะหัน จะมีทางแยกไป อ.ป่าโมก ให้เลี้ยวซ้ายขับมาเรื่อยๆ ผ่านสี่แยกไฟแดงอำเภอป่าโมก ให้ตรงไป ขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำ ซ้ายมือจะเป็นอำเภอป่าโมก ขับมาเรื่อยๆ เจอสะพานข้ามแม่น้ำน้อย ข้ามมาเจอสี่แยกไฟแดง สามารถเลี้ยวซ้ายหรือตรงไปก็ได้ ตรงไปสุพรรณ เลี้ยวซ้ายไปผักไห่ ถ้าเลี้ยวขวาไปวิเศษชัยชาญ หากตรงไป ขับไปเรื่อยๆ จะมีแยกทางด้านซ้ายมีป้ายบอกทางให้เลี้ยวซ้ายเข้าและไปตามป้ายบอกทาง
หากไม่มีรถส่วนตัว ก็ขึ้นรถทัวร์กรุงเทพฯ-ผักไห่ ที่หมอชิต แล้วลงสุดสายที่ตลาดผักไห่ ข้ามมาขึ้นสามล้อรับจ้าง ราคา 50 บาท ขาออกก็ขอเบอร์โทรคนขับไว้ พอจะกลับก็โทรตามแล้วเขาจะเข้ามารับ 50 บาทเช่นกัน
เส้นทางดูในแผนที่ได้ อาจจะไม่ได้สัดส่วนแต่ดูพอเป็นแนวทางได้ค่ะ ที่เที่ยวใกล้ๆ แถวๆ นั้นก็มีบ้านเขียว ซึ่งเป็นบ้านของขุนพิทักษ์บริหาร เป็นบ้านโบราณ สามารถแวะชมได้ สังเกตง่ายๆ เข้าไปที่วัดอมฤทธิ์ ผ่านโรงสีเข้ามาก็จะพบกับบ้านขุนพิทักษ์ แต่ยังไม่เคยไปค่ะ ไม่กล้าไป
ตลาดลาดชะโดก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ของการมาสัมผัสวิถีชาวบ้านริมคลอง สถาปัตยกรรมเก่าๆ ที่อนุรักษ์ไว้ เป็นตลาดที่มีความเป็นมาอย่างยาวนาน เป็นที่ถ่ายทำภาพยนตร์ไทยหลายๆ เรื่อง มีของกินขายพอสมควร ของกินอาจจะมีไม่มากอย่างตลาดน้ำอื่นๆ แต่เด่นตรงที่ได้ไปสัมผัสบรรยากาศริมคลอง เชื่อว่าถ้ามีคนไปเที่ยวกันมากขึ้น การขยายตัวและการขายของกินต่างๆ ก็น่าจะมีมากขึ้นและน่าจะคึกคักมากกว่านี้ ช่วยกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น
ตลาดลาดชะโด ตลาดเก่าแก่ที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้
ขอบคุณที่เข้ามาชมค่ะ