รีวิวร้านเนื้อย่างติดๆ กัน 2 ร้านเลย ตามกระแสเนื้อโพนยางคำที่มาแรง ร้านเปิดกันเต็มไปหมด
แต่ร้านนี้เป็นสไตล์ญี่ปุ่นชื่อร้านชิมิ น่าจะเปิดมานานแล้ว อยู่แถวๆ สะพานควาย ซอยประดิพัทธิ์ 19
หลังจากที่หาข้อมูลร้านบุฟเฟต์เนื้อแบบปิ้งย่าง ก็มีข้อมูลมาให้เลือกมากมายหลายร้าน เช่น
- Sekitei เซกิเต ตึกชาญอิสระ 2
- Giant Yakiniki ไจแอ้นท์ ซอยสุขุมวิท 39
- Izumi อิซูมิ Yakiniku เซ็นจูรีอนุเสาวรีย์ชัยฯ
- Tohkai โตไก ถนนธนิยะ
- Best Beef แถวอ่อนนุช
- King kong แถวเซ็นทรัลชิดลม
- Elite Grill Bar เอลิท ถนนเพชรบุรี
- Shimi ชิมิ ซอยประดิพัทธิ์ 19
บางร้านก็แพงไป บางร้านก็ไกล บางร้านดูจากความคิดเห็นของคนที่ไปก็ไม่น่าไป ก็เหลือให้เลือก
อยู่ 3-4 ร้านใน List จากที่เคยรีวิวร้าน Akiyoshi ไว้ อ่าน Comment ของ karn
"ชาบูๆให้ไปลองที่ ชิมิ(Shimi) ซอยประดิพัทธ์ 19 แถวสะพานควาย เท่าที่กินมาที่นี่ work สุดแล้ว"
ประกอบกับดูรีวิวเห็นไอติมน่าทานมากๆ เลยมาสรุปกันที่ร้าน Shimi ชิมิ
(แต่ไปทานแบบ Yakiniku ไม่ใช่ Shabu Shabu)
ร้านเป็นแบบธุรกิจครอบครัว น่าจะสร้างอยู่ในบริเวณบ้านของเจ้าของร้านเอง
เข้ามาจากปากซอยประดิพัทธิ์ 19 ประมาณ 50 เมตร ร้านจะอยู่ทางขวามือ
มาถูกร้านแล้วล่ะ ร้านชิมิ Shimi นึกไปถึงคำที่วัยรุ่นชอบใช้กัน(ชิมิ = ใช่ไหม)
ร้านตกแต่งเรียบง่ายดูสะอาดสะอ้าน และเก๋ดีเหมือนกัน
เจอเจ้าตัวนี้อยู่หน้าร้าน น่ารักมาก
ทางเข้าร้าน ไปในส่วนต้อนรับ
ประกาศแจ้งเวลาให้บริการใหม่ จันทร์ ถึง ศุกร์เปิด 11.30 - 14.30 น. 17.30 - 23.00 น.
เสาร์ อาทิตย์ 11.30 - 23.00 ตอนเราไปถึง 11.30 กว่าๆ ร้านยังไม่พร้อมบริการก็ต้องนั่งรอก่อน
คนที่ขับรถมา ข้างร้านจะมีที่จอดรถ แต่จอดได้ไม่กี่คัน แถมต้องจอดซ้อนคันต้องไปถอยบ่อยๆ
ทางร้านแนะนำให้ไปจอดที่ร้าน Reflections หรือร้านแพกระแต่ฝั่งตรงข้ามซอย จอดฟรี 3 ชั่วโมง
ระหว่างนั่งรอก็มีเมนูมาให้ดู สั่งไว้ก่อนได้ ถ้าเป็นบุฟเฟต์ชาบูชาบู 299 บาท Net
ถ้าเป็นปิ้งย่างก็ราคา 349 บาท Net ไม่มีค่า Service และภาษี เมนูของปิ้งย่างจะมีมากกว่าชาบูนิดหน่อย ต่างกันตรงผัก และปิ้งย่างจะมีกิมจิ เบคอน และไก่หมัก นอกนั้นเหมือนกันทุกเมนู มีทั้งหมู เนื้อและไก่ ไม่มีกุ้งหมึก
ซูชิต่างๆ รวมอยู่ในบุฟเฟต์แล้ว เหมือนกันทั้งชาบูกับปิ้งย่าง แต่เราไม่ค่อยได้ทานเท่าไร
ระหว่างนั่งรอก็ถ่ายรูปเล่นไปเรื่อย กล้องถ่ายรูปเป็นอุปกรณ์อย่างนึงที่ขาดไม่ไ้ด้ ที่ต้องมีอยู่ในกระเป๋า พอๆ กับกระเป๋าเครื่องสำอางค์
โคมไฟบนเพดาน เท่มาก
หลังจากรอได้สักพัก ก็ได้เวลาทานแล้ว เข้ามาในร้านผ่านส่วนของ Shabu เพื่อออกมาด้านนอก
ถ้าใครทานปิ้งย่างจะต้องนั่งด้านนอก แต่ถ้ามาหลายคนจะทานชาบูชาบูด้วยก็ได้ ด้านนอกไม่มีแอร์แต่ก็ไม่ร้อน บรรยากาศดีมีต้นไม้เขียวๆ ให้มอง(เหมือนจะเป็นสวนในบ้าน)
เราได้นั่งโต๊ะตรงกลางมีต้นไผ่กั้นระหว่างโต๊ะอีกด้านด้วย
วิวบริเวณโต๊ะที่นั่ง จัดร้านได้ดี นั่งทานชิวๆ
ไม่ต้องกลัวร้อนเพราะบนเพดานมีพ่นไอน้ำและพัดลมตลอด
วันนั้นที่ไปฝนทำท่าจะตก บรรยากาศมืดครึ้ม ทางร้านก็เลยเปิดไฟ
ด้านในที่เห็นจะเป็นบุฟเฟต์ชาบูชาบู ที่ต่างกันอีกอย่างนึงระหว่างชาบูกับปิ้งย่าง ก็คือน้ำจิ้ม
มาดูอุปกรณ์ที่มีบนโต๊ะกัน
แน่นอนปิ้งย่างต้องมีกะทะพร้อมเตาแก๊ส มีมันหมู 1 ก้อนและน้ำมันโรยอยู่(เดาเอาว่าเป็นน้ำมันงา)
จานและตะเกียบ ชอบตะเกียบจริงๆ เหมาะกับปิ้งย่างที่สุด ไม่ละลายไม่ไหม้แน่นอน
น้ำจิ้มและซอส มี 3 แบบ แบบแรกเป็นซอสแบบญี่ปุ่น อย่างที่สองที่มีงาเป็นน้ำจิ้มรสชาติคล้ายๆ เต้าเจี้ยวออกเค็มๆ หน่อย อย่างที่ 3 คือน้ำจิ้มแจ่ว เราชอบอันนี้มากที่สุด
เครื่องปรุงบนโต๊ะก็จะมี น้ำมะนาว พริก กระเทียม หอมซอย และน้ำพริกเผาไว้ในซอส ใส่แล้วจะออกหวานๆ ไม่เผ็ด
น้ำเป็นแบบรีฟิล ในภาพเป็นน้ำฝรั่งกับน้ำพั้นซ์ แก้วละ 35 บาทเติมได้ตลอด หมดแล้วเปลี่ยนไปเป็นน้ำอื่นก็ได้ มีให้เลือกคือ น้ำแดง พั้นซ์ น้ำฝรั่ง ชาเขียว(ไม่หวานนะ) ส่วนน้ำเปล่าขายเป็นขวดไม่มีแบบรีฟิล
กิมจิ รสชาติดี
ซูชิ มีหลายอย่างมาก แต่เราทานแค่ 4 ชิ้นพอ มีแต่ข้าวทานแล้วเดี๋ยวอิ่มก่อน
ซอสซูชิ จะมีให้ต่างหากจากซอสที่วางอยู่บนโต๊ะส่วนขิงดองกับวาซาบิจะใส่มาในจานซูชิ
ข้าวกระเทียม รสชาติโอเค
มาดูเนื้อกันบ้างดีกว่า งานนี้เน้นทานแต่เนื้อ ไม่รู้จำสลับกันบ้างหรือเปล่าผิดถูกก็ขออภัยนะคะ
จานแรกริบอาย อร่อยสุด
เนื้อลาย
เนื้อสันนอก
เนื้อไม่ติดมัน
เบคอน หลังจากที่มันหมูหมด ก็ไม่ได้ขอมันหมูเพิ่มเนื่องจากเบคอนช่วยได้
จากนั้นก็เริ่มปิ้ง สั่งเนื้อมาพอสมควรเคยอ่านรีวิวมาว่าให้สั่งไว้เลยเพราะถ้าสั่งอีกแล้วคนมากจะได้ช้า
แต่เราก็สั่งมาพอทานรอบแรก และก็สั่งอีกเรื่อยๆ ก็ไม่เห็นว่าจะบริการช้า(คงปรับปรุงแล้วล่ะ)
พนักงานและเจ้าของร้านก็ดูเอาใจใส่ดี นั่งทานเรื่อยๆ สบายๆ เพราะไม่มีกำหนดเวลา ทานไปประมาณ 2 ชั่วโมงก็อิ่ม แก๊สหมดกระป๋องพอดี กะจะทานไอศครีมต่อ เพราะเห็นว่าที่นี่ไอศครีมอร่อย แต่วันนั้นไอศครีมหมดเลยอดทาน -_-
พอเรียกเก็บเงินก็จะมีผ้าเย็นมาให้เช็ดมือ
มื้อนี้หมดไป ค่าบุฟเฟต์ 2 ที่ 349x2 = 698 น้ำรีฟิล 2 แก้ว 35x2 = 70 รวม 768 บาท
สรุปก็อิ่มอร่อย ชอบบรรยากาศร้านสบายๆ ไม่ได้เป็นเชิงธุรกิจมากเกินไป ร้านอยู่ไม่ไกลมาก
ทีแรกก็กลัวเรื่องการเสิร์ฟอาหารช้า แต่ที่ไปก็ปกติไม่ช้า บริการก็ OK
เนื้อที่ทานสไลด์บางดี เวลาปิ้งจะสุกเร็ว ไม่เหนียว น้ำจิ้มอร่อย น่าไปอีก
มาเพิ่มรูปไอศครีมหลังจากที่ไปทานมาแล้วอีกครั้งค่ะ ไอศครีมไม่รวมอยู่ในบุฟเฟต์นะคะ
ไอศครีมที่นี่น่าทานมากๆ เป็นไอศครีมของ Gelate(Gelato) มีหลายรสให้เลือก Scoop ละ 45 บาท
ทานรส Black Forest เป็นไอศครีมช็อคโกแลต+ลูกเชอรี่ มีแถมเยลลี่รูปหัวใจสีแดงน่ารักมากๆ
ไอศครีมอร่อยดี
มาอัพเดทข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ หลังจากที่ไปทานเป็นครั้งที่สามเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว (23 August 2009) มีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย บรรยากาศร้านด้านนอกที่เป็นที่นั่งทานแบบปิ้งย่าง รอบๆ บนรั้วจะเพิ่มตู้ปลายาวตลอดแนว น้ำจิ้มไม่เหมือนเดิม ไม่รู้ว่าเปลี่ยนตลอดหรือเปล่า สีน้ำจิ้มจะจางลงและรสชาติจะหวานขึ้นกว่าเดิม ส่วนตัวเราทานแต่น้ำจิ้มแจ่ว การเปลี่ยนเลยไม่มีผลเท่าไร ลืมถามว่าทำไมถึงเปลี่ยนน้ำจิ้ม
ทานไอศครีมอีกรส รสนี้ก็อร่อย จำไม่ได้แล้วว่ารสอะไร คราวนี้เยลลี่เป็นสัตว์น้ำ น่ารักดี
เต่า ปลา ^_^
อ้อ พนักงาน แอบ Create โรยน้ำมันเป็นรูปหน้ายิ้มบนกะทะ ครั้งนี้รอซูชินาน..เกือบชั่วโมง สั่งก่อนแต่ได้ทีหลังโต๊ะข้างๆ อีก
มาอัพเดทข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ หลังจากที่ไปทานเป็นครั้งที่สี่เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว (6 กันยายน 2552) น้ำจิ้มกลับสู่สภาพเดิมแล้ว เหมือนครั้งแรกและครั้งที่สองที่ไปทาน อร่อยเหมือนเดิม ^_^
ทานไอศครีมอีกรส คราวนี้ทานในร้าน ไม่ลืมที่จะใส่เยลลี่เหมือนเคย อิอิ
จำชื่อไม่ได้ว่ารสอะไร เป็นพวกเบอรี่ รสชาติออกเปรี้ยวๆ อร่อยดี เจ้าของตักให้ลูกใหญ่มากๆ
ถ้าสนใจจะไปทานร้านนี้ก็ตามแผนที่เลยค่ะ ถ้ามาจากทางจตุจักร ถึงแยกสะพานควายเลี้ยวขวา
ซอยประดิพัทธิ์จะอยู่ไม่ไกลจากแยก จากแยกจะเริ่มที่ซอย 23 ถัดมาอีก 2 ซอยเตรียมชิดขวา
เบอร์โทรร้าน 02 357 1390-1 โทรไปจองก่อนก็ดีค่ะ
เพิ่มเติมแผนที่ใน Google Maps ค่ะ ^_^
ดู ร้าน Shimi ในแผนที่ขนาดใหญ่กว่า
ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมค่ะ