Daidomon บุฟเฟต์ยากิชาบู ที่มีทั้งปิ้งย่าง ใครๆ ก็คงรู้จัก เพราะมีมาในเมืองไทยมา 20 กว่าปีแล้ว เมื่อก่อนร้านอาหารญี่ปุ่นประเภทนี้ยังมีน้อย ถือได้ว่าเมื่อก่อน Daidomon เป็นร้านที่ได้รับความนิยมอีกร้านหนึ่ง วันนี้..ถ้านึกจะไปทานอาหารญี่ปุ่นแบบปิ้งย่างหรือแบบชาบู เชื่อว่าสำหรับหลายๆ คน Diadomon คงเป็นลำดับท้ายๆ ที่นึกถึง
กิน Daidomon ครั้งแรกและครั้งล่าสุดเมื่อไหร่?
สำหรับเรา โหนานมาก... สิบกว่าปีมาแล้วมั้ง น่าจะเป็นตอนสมัยมัธยมปลายที่เข้ามาเรียนพิเศษในกรุงเทพฯ หรือไม่ก็ตอนปีหนึ่งปีสองตอนอยู่มหาวิทยาลัย ตอนนั้นยังเป็นการสั่งแล้วมีพนักงานเอามาให้ ใช่ไหมหว่า (-_-)a มันนานจนจำไม่ได้เลยนะเนี่ย ครั้งสุดท้ายก่อนหน้าครั้งนี้ ก็จำไม่ได้อีกนั่นแหละ แต่คิดว่าน่าจะสัก 3 - 4 ครั้งที่ไปทานร้าน Diadomon ครั้งสุดท้ายน่าจะทานที่เซ็นทรัลลาดพร้าวชั้นใต้ดิน
บุฟเฟต์ที่รู้จักสมัยนั้นยังมีน้อย จำได้ว่าเมื่อก่อนไดโดมอนก็เป็นร้านหนึ่งที่อยู่ในใจเรา เพราะเราชอบปลาหมึกที่รวมอยู่ในบุฟเฟต์ ทานได้ไม่อั้น แต่จริงๆ ก็ไม่ได้ทานเยอะมากมาย จนจะได้ว่าครั้งสุดท้ายตั้งใจว่า จะทานแบบไม่บุฟเฟต์อาจเสียเงินน้อยกว่า เห่อๆๆ ตามความคิดเราไดโอมอนน่าจะแผ่วและได้รับความนิยมน้อยลง เพราะยุคหนึ่งที่หมูกะทะกำลังบูมอย่างสุดขีดและเป็นที่นิยมเรื่อยมา ซึ่งชนิดของอาหารก็คล้ายๆ กัน แถมราคาถูกว่า ทำให้คนหันไปสนใจทานหมูกะืทะกันมากขึ้น
ว่ามาซะยาว วันก่อนที่ไปดู Thunder Bird ไปแวะที่ไอทีแสควร์หลักสี่ ก็เลยมีโอกาสได้เข้าไปทานไดโดมอน หลังจากที่ไม่ได้ทานมาตั้งเกือบสิบปี กระแสของ Daidomon ที่เคยเจอในอินเตอร์เน็ตมีทั้งข้อเสียทั้งเรื่องการบริการและความสะอาด ไหนๆ ก็ไปทานมาแล้ว ก็เอามารีวิวให้ดู ให้ย้อนนึกถึงไดโดมอนกันค่ะ
สาขาที่เราไปทานคือที่ IT Square ซึ่งตอนนี้ไดโดมอนเหลือเพียงไม่กี่สาขา เนื่องจากพิษเศษฐกิจปี 2551 ที่ผ่านมา ทำให้ผลประกอบการของไดโอมอนเมื่อสิ้นปี 2551 ติดลบ 1,556 ล้านบาท (-"-) เรียกง่ายๆ ว่าขาดทุนเป็นพันล้าน!! สาขาที่เราไปทานเป็นสาขาใหม่ที่เป็นของนักลงทุนรายย่อยร่วมลงทุนกับบริษัท ซึ่งลักษณะคล้ายเฟรนไชน์แต่ไม่ใช่ ใช้เงินลงทุนสาขาละประมาณ 4-5 ล้านบาท ข้อมูลจากกรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ภายในร้าน ก็ดูทันสมัยและสะอาดดี ตอนนี้เป็นสายพานลำเลียงของแล้ว อิอิ
เตาปิ้งย่าง
ถ้วย จาน ช้อน
พริก มะนาว กระเทียม มะนาวแห้งมากไม่ค่อยมีน้ำเลย
น้ำจิ้ม ด้านซ้ายเป็นน้ำจิ้มปิ้งย่าง ด้านขวาเป็นน้ำจิ้มชาบู(เหมือนน้ำจิ้มสุกี้อ่ะ) สำหรับเราน้ำจิ้มรสชาติธรรมดาๆ นะ ออกหวานนำ
น้ำเติมได้ไม่อั้น
สักพักพนักงานก็มาเติมน้ำให้ ดูแล้วพื้นที่มันกว้างมากเลย
มาดูอาหารสดกัน เมนูแรกหมูไซบีเรีย-Siberian-Po รสชาติคล้ายๆ แฮม
หมูสามชั้น-Pork-Belly
หมูหมักซอสญี่ปุ่น Pork with Shoyu อันนี้มีรสชาติดี ไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มเราชอบ
หมูหมักพริกไทดำ Pork with Black Peppers
ไก่หมักพริกไทดำ-Chicken with Black Peppers
หมูหมัก อ้าวรูปซ้ำ นอกจากนี้ก็ยังมีเมนูอื่นๆ อีก เช่น หมูนุ่ม ตับหมู ไก่นุ่ม เต้าหู้ เนื้อ(แต่เราไม่เจอเมนูนี้แฮะ) และก็อื่นๆ
สภาพเตาหลังจากใส่ของลงไปแล้ว
ปิ้งเนื้อต่างๆ
ส่วนผัก ลูกชิ้น เต้าหู้ ก็ต้มไป น้ำมันไม่เดือดเลยอ่ะเพราะมันไม่ร้อน ชาบูเลยไม่ค่อยน่ากิน
หมี่หยก
ข้าวกระเทียม จะบอกว่ารู้จักข้าวกระเทียมครั้งแรกก็ที่ร้านนี้แหละ เมื่อก่อนชอบมาก แต่ที่ไปครั้งนี้ไม่ได้ทานเลย ความรู้สึกมันเปลี่ยนไปแล้วอ่ะ
ปลาซาบะกับปลาชิชาโมะ
กิมจิ อันนี้แค่ขอลองชิมไม่ได้ทาน รสไม่ค่อยเข้มข้น
พร้อมทานแล้ว
รอชาบูนานมาก กว่าจะร้อน ผักบุ้งตอนที่ทานยังแข็งๆ อยู่เลย
ท้ายๆ ก็ปิ้งปลาหมึกทาน จริงๆ ทานได้ไม่เยอะก็อิ่มแล้ว
ตบท้ายด้วยของหวาน วุ้นกระทิิ สีสันสวยงาม แต่ถ้าเป็นเยลลี่จะดีกว่านี้ วุ้นไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่
และไอศครีมของเนสเล่ ถ้วยนี้มะนาว
สรุป รสชาติอาหารก็ตามสไตล์ Diadomon ใครเคยทานก็คงรู้ว่าเป็นยังไง ตอนเข้าไปในร้าน มีลูกค้าอยู่ไม่กี่โต๊ะ เลยคิดว่าคนไม่ค่อยทานกันจริงๆ ด้วย แต่นั่งไปแป๊บนึงโต๊ะที่ว่างๆ อยู่ก็เต็ม แถมมีคนยืนรอหน้าร้านด้วย อาจจะเป็นสัญญาณที่ดีของไดโอมอนก็เป็นได้(หรือวันนั้นคนจาก Thunder Bird เยอะก็ไม่รู้) ส่วนการบริการก็โอเค ไม่มีอะไรไม่ดี ความสะอาดในร้านเท่าที่ดูก็โอเค จำไม่ได้แล้วว่าป้ายหน้าร้านติดราคาบุฟเฟต์ไว้เท่าไหร่ แต่พอจ่ายจริงๆ ราคาบุฟเฟต์สองคนก็อยู่ที่ 469 บาท ก็ตกคนละประมาณ 235 บาท ก็เลยเอ๊ะ! มีค่าอะไรเพิ่มเข้ามาเนี่ย ก็ดูในบิล ไม่ได้แจกแจงค่าใช้จ่าย แต่เขียนรวมไว้ว่า FOOD, BEVERRAGE, SERVICE 469 ราคานี้ก็ถือว่าจ่ายใกล้เคียงกับชาบูชิของโออิชิ ต่างกันไม่เท่าไร อย่างไรก็ตาม Diadomon ก็เป็นร้านร้านหนึ่งที่อยู่ในความทรงจำของเรามาเป็นสิบๆ ปีแล้ว ^_^
ข้อมูลเมนูอาหารจาก เว็บไซต์ไดโดมอน
ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชม Blog ของ bombik ค่ะ