Crystal Grill ห้องอาหารบุฟเฟต์นานาชาติและทะลเผา บนชั้น 82 ของตึกใบหยก 2
จะว่าเป็นบุฟเฟต์ที่อยู่สูงที่สุดในประเทศไทยก็ได้ เนื่องจากตึกนี้เป็นตึกที่สูงที่สุดในประเทศไทย
หลังจากทำงานเหนื่อยโฮก..ไม่ได้หยุดสักวัน เลยไปหาอะไรทานกันที่สบายๆ บรรยากาศดีดี
เลือกที่นี่เพราะอยากเปลี่ยนบรรยากาศ ชมวิวสวยๆ ของกรุงเทพฯ กัน ให้หายเหนื่อย
ที่ตึกนี้จะมีบุฟเฟต์อยู่ 4 ชั้น
ชั้น 76 กับ 78 บุฟเฟต์นานาชาติและซีฟู๊ด ชื่อร้าน Bangkok Sky Restaurant
ชั้น 79 บุฟเฟต์อาหารจีน ชื่อร้าน Stella Palace Chinese Restaurant
ชั้น 82 บุฟเฟต์นานาชาติ ชื่อร้าน Crystal Grill
ราคาบุฟเฟต์แต่ละชั้นจะแตกต่างกัน จากการสอบถามพนักงานที่รับจองโต๊ะว่ามีแต่ละชั้นมีอะไรที่แตกต่างกัน พนักงานแจ้งว่าวิวคล้ายกัน ต่างกันตรงที่ซีฟู๊ดแต่ละชั้นไม่เหมือนกัน ชั้น 76 เป็นซีฟู๊ดหม้อไฟ
ชั้น 78 เป็นลวกจิ้ม ชั้น 82 เป็นแบบทะเลเผาและมีอาหารแค่บางเมนูที่ไม่เหมือนกัน ราคาบุฟเฟต์มื้อเย็น
ชั้น 76 ราคา(จำไม่ได้) ชั้น 78 = 470 บาท ชั้น 82 = 620 บาท ถ้าเป็นมื้อกลางวันราคาจะถูกกว่านี้
แต่ชั้น 82 มีเฉพาะมื้อเย็นเท่านั้น
ไหนๆ ก็ไปแล้วเลยตกลงจองที่ชั้น 82 ราคาหัวละ 620 บาทไม่รวมเครื่องดื่ม -_-" จองด้วยเหตุผลคือ
วิวมุมสูงกว่า ได้ทานทะเลเผา ชั้นนี้ไม่มีทัวร์มาลงน่าจะสงบกว่า อาหารอร่อยกว่า(อ่านจากในเน็ต)
...แต่เท่าที่ดูคนอื่นรีวิว ชั้น 76 กับ 78 ก็มีอาหารทะเลเผาเหมือนกันแถมอาหารก็คล้ายกัน +_+...
วันไปทาน ถึงโรงแีรมขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น L (ชั้น 18) เป็นชั้นล็อบบี้ เพื่อซื้อบัตรรับประทานอาหาร
ไปที่เค้าท์เตอร์แจ้งชื่อผู้จอง พนักงานจะออกบัตรให้ตามจำนวนที่จองไว้ และจ่ายเงินทันที
จากนั้นก็เปลี่ยนลิฟท์เพื่อขึ้นไปชั้น 82 ซึ่งจะเป็นลิฟท์ที่จอดเฉพาะชั้นที่เป็นร้านอาหาร
ไม่ต้องกลัวไปขึ้นลิฟท์ไม่ถูก มีพนักงานคอยบอกอยู่ตลอดทาง พนักงานหน้าลิฟท์จะตรวจบัตร
ร้านอาหารเปิด 17.30 - 24.00 น. (แต่พนักงานแจ้งเราว่าเปิด 18.00 น.) นั่งได้ถึงเที่ยงคืน
แต่ว่าจะเลิกวางอาหารเวลา 23.30 น. (แค่ถึงตอนสี่ทุ่มอาหารก็เหลือน้อยแล้ว)
ร้านอาหารมีลักษณะเป็นกระจกใสรอบด้าน ตกแต่งเรียบๆ สไตล์โมเดิร์น พื้นที่เป็นวงกลม
รอบนอกเป็นที่นั่งติดกับกระจกทุกโต๊ะ(ยกเว้นบางโต๊ะที่มาสอง) ก็จะมีอีก 2 โต๊ะที่อยู่ด้านใน
รอบในเป็นที่วางอาหาร ซึ่งจัดอาหารแต่ละชาติเป็นโซนๆ เดินทานได้รอบ
โต๊ะที่เรานั่งอยู่ทางด้านวิวที่มองเห็นสยามพารากอนและเซ็นทรัลเวิลด์ ติดกับอาหารพวกสลัด
วันที่ไป โชคไม่เข้าข้างเอาซะเลย อากาศร้อนตับแตกแดดจ้ามาหลายวัน แต่วันนั้นฝนตก เลยทำให้
ฟ้าไม่เคลียร์ ทัศนวิสัยในการมองเห็นวิว มองไปได้ไม่ไกลนัก เนื่องจากเหมือนมีหมอกควันปกคลุม
ถ้าไปทานที่นี่ เลือกวันที่แดดดีดี ไม่มีเมฆหมอก จะมองเห็นวิวสวยกว่านี้
บนโต๊ะก็มีดอกไม้ พร้อมเทียนก้อน จุดเพิ่มความโรแมนติก เห็นก้อนแค่นี้แต่อยู่นานมาก
มีขวดพริกไทยกับเกลือเก๋ดี พอนั่งพนักงานก็เอาขนมปังมาให้ และแจกเนยคนละก้อน
แต่แทบไม่ได้แตะขนมปังเลย ไปทานอย่างอื่นดีกว่า
มาดูของกินกันว่ามีอะำไรบ้าง เราไปถึงก่อนหกโืมงคนยังไม่มาก ตรงนี้จะเป็นพวกสลัดต่างๆ
อันนี้ดูรวมๆ ละกัน เป็นมิโซะซุป มีเครื่องปรุงให้ใส่เอง อาหารอินเดีย ผักขมอบชีืืท สเต็ก
สปาเก็ตตี้ต่างๆ ไก่ทอด เทมปุระกุ้งและผัก
ต่อมาก็เป็นพวกซุป ขนมปังต่างๆ สลัด หอยนางรมสด และถุงทอง
ขนมหวานก็มี ไอศครีมมี 4 รสเป็นรสแบบไทยๆ มีรสทุเรียน รสข้าวกล้อง รสถั่วเขียว
และราสเบอร์รี่ ผลไม้ต่างๆ ส่วนใหญ่จะเป็นผลไม้ไทยๆ เช่นแตงโม มะม่วง สับปะรด มะละกอ
และก็มีช็อกโลแลตฟองดูกับผลไม้ คือแตงโม องุ่นแดง องุ่นเขียว แอปเปิ้ล และเค้กต่างๆ
เค้กต่างๆ
ขนมไทยๆ
เครื่องดื่มไม่รวมราคาในบุฟเฟต์ต้องสั่งต่างหาก(ไม่เหมือนชั้น 76 กับ 78 ที่เติมไม่อั้น)
เราสั่งโค้กกระป๋อง ราคา 40 บาท สงสัยขึ้นมาสูงเลยแพง แต่ถูกกว่าที่เกาะไหง 10 บาท
น้ำส้มปั่น 80 บาท น้ำที่ถูกที่สุดคือ น้ำเปล่าของโรงแรมใบหยกขวดละ 20 บาท
มาดูอาหารที่เราทานบ้าง หอยแมงภู่อบ ลาซานญ่า ชีสทอด ยำปลาแซลมอนกรอบ(เหมือนยำปลาดุกฟู)
ต่อมาก็ทะเลเผา หอยกับกุ้ง จริงๆ มีปูด้วยแต่ขี้เกียจแกะ ไม่เห็นมีปลาหมึก =.=
มื้อนี้เราทานกุ้งกับหอยไปเยอะที่สุด น้ำจิ้มซีฟู๊ดอร่อยมาก มี 2 แบบ แบบแดงจะเผ็ดกว่า
วิวบริเวณโต๊ะอาหาร ขึ้นมาบนนี้เหมือนกำลังดูเมืองของเล่น เพราะว่าตึกที่เราเห็นใหญ่ๆ กลายเป็นเล็กจิ๋ว
เซ็นทรัลเวิลด์และสยามพารากอนดูเล็กมากเมื่อมองจากบนนี้
แสงไฟจากถนนยามค่ำคืน
เปลี่ยนมาทานอาหารญี่ปุ่นบ้าง ซูชิ
ไอศครีมราสเบอรี่ราดช็อกโกแลตฟองดู กับผลไม้เสียบไม้จุ่มช็อกโกแลตฟองดู ผลไม้ไม่ค่อยเย็นเท่าไร ช็อกโกแลตเลยไม่ค่อยติด
มีนักดนตรีเดินเล่นตามโต๊ะและ HBD ด้วย แต่พอถึงโต๊ะเราก็เดินผ่านไป 55 สงสัยหน้าตาไม่แนว
ทานอิ่ม ก็ขึ้นไปชมวิวที่ชั้น 84 ซึ่งเป็นชั้นที่สูงที่สุดของตึกนี้ ต้้อง Check Bill ค่าน้ำก่อน
และบอกพนักงานว่าเราจะกลับลงมาอีก เขาจะได้เก็บโต๊ะไว้ให้
ทางขึ้นเหมือนกำลังจะเดินทางขึ้นไปบนอวกาศ เจอเอเลี่ยนก่อนเลย ถ้าใครไปลองสังเกตนิ้วก้อยเอเลี่ยนตัวนี้นะ เด้งเชียว
ทางขึ้นก็จะเป็นดวงดาวต่างๆ จริงๆ มีลิฟท์แต่เดินขึ้นดีกว่า เพราะเหมือนกับชั้นบันไดแค่ชั้นเดียว
บนเพดาน สัญลักษณ์ดวงดาว
อันนี้น่าจะเป็นโลกของเรานะ
โต๊ะที่นั่งบริเวณบันไดขึ้น เป็นลูกเต๋าน่ารักดี
ที่นั่งอีกมุม ดูสงบดี
ขึ้นมาถึงชั้น 83 เป็น Roof Top Bar & Music เป็นบาร์ที่สูงที่สุดในประเทศ
ที่นั่งบริเวณนั้น จะมีที่ชมวิวและกล้องให้ส่องดู(ต้องหยอดเหรียญด้วยอ่ะ)
บริเวณผนังของชั้นนี้จะเป็นภาพวิวตึกต่างๆ
จากชั้น 83 ก็เดินเข้ามาที่จุดชมวิวชั้น 84 ไม่น่าเรียกชั้น 84 เลยเพราะห่างกันนิดเดียว
เป็นที่ชมวิวแบบเปิดโล่ง เป็นแบบพื้นหมุน ชมวิว 360 องศา เรายืนเฉยๆ พื้นจะหมุนไปเองช้าๆ
รอบนึงใช้เวลาประมาณ 10 นาที
ไฟด้านบนก็จะเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ
ขึ้นไปอากาศค่อนข้างเย็น มีหมอกเล็กน้อยเพราะวันนั้นก่อนมาที่นี่ฝนตก
จุดที่เรายินชมวิวก็จะเป็นเหล็กกั้นไว้โดยรอบ ไม่น่ากลัวและไม่หวาดเสียวค่ะ ดูวิวสวยๆ เพลินๆ
เข้ามาก็เจอวิวนี้ก่อนเลย ทางด่วน
วิวด้านเซ็นทรัลเวิลด์ ย่อแล้วเล็กไปนิดเลยมองไม่ค่อยเห็น
บนนี้ถ่ายรูปยากมาก ยิ่งกล้องคอมแพคอย่างเรายิ่งดับ ถ้ามีขาตั้งกล้องคงใช้ไม่ได้ เพราะพื้นสั่นๆ
ต้องอาศัยมือนิ่งจริงๆ ถ่ายมาก็เบลอเกือบทุกรูป ยิ่งถ้าถ่ายคนต้องรอจังหวะสีไฟให้ดี เพราะหน้าจะเป็นสี
เขียว ม่วง เหลือง แดง ตามไฟ
เห็นอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิไหม(บนขวา) ด้านล่างซ้ายกลมๆ น่าจะเป็นตึก King Power ที่ซอยรางน้ำแถวๆ อนุเสาวรีย์ ที่นั่นก็มีบุฟเฟต์รามายนะ อยู่ที่ชั้น 3
ชมวิวกันอยู่เป็นชั่วโมง หมุนครบรอบไปหลายรอบก็กลับลงมา หาอะไรเบาๆ ทานต่อก่อนกลับ
แขกเริ่มน้อยลง แต่ก็ยังมีคนเพิ่งมาทาน ของเหลือน้อยมาก ถ้ามาทาน มาตั้งแต่ร้านเปิดน่าจะดีกว่า
เทียนบนโต๊ะก็ยังไม่ดับ อยู่ทนจริงๆ
วันนี้ทานไปไม่กี่อย่าง ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารทะเล อาหารญี่ปุ่นก็ทานแค่ซูชิ ขนมก็ไม่ค่อยได้ทาน
อาหารฝรั่งก็ที่ทานไปก็สปาเก็ตตี้เนื้อ ส่วนสเต๊กไม่ได้ทานเพราะมีแต่เนื้อแบบมีเดียม มีเนื้อแกะด้วย
แต่ไม่ได้ทานเพราะยังเข็ดกับคราวNobu Shabuไม่หาย สลัดผัก(น้ำสลัดหวานอร่อยสุดนอกนั้นจืด)
ตามความคิดเราอาหารโดยรวมก็ธรรมดา คล้ายบุฟเฟต์ทั่วไป อาจจะเป็นเพราะเราไ่ม่ได้ทานบางอย่างด้วย
สรุป รสชาติอาหารก็อร่อยดีโดยเฉพาะน้ำจิ้มซีฟู๊ด บรรยากาศเป็นส่วนตัว โรแมนติก
ทานไม่คุ้มแต่ก็คุ้มกับการดูวิวสวยๆ รอบๆ กรุงเทพบนตึกที่สูงที่สุดในประเทศไทย..สักครั้ง