โปรแกรมวังน้ำเขียวที่ไป เป็นโปรแกรม 2 วัน 1 คืน
การเดินทางใช้เส้นทาง
ขาไปวังน้ำเขียว >> กรุงเทพฯ - นครนายก - ปราจีนบุรี - กบินทร์บุรี - วังน้ำเขียว
ขากลับกรุงเทพฯ >> วังน้ำเขียว - ปักธงชัย - สี่คิ้ว - ปากช่อง - สระบุรี - วังน้อย - กรุงเทพฯ
ดูจากแผนที่สามารถไปได้หลายเส้นทาง ถ้ารวมแถวเขาใหญ่และปากช่องแล้ว สามารถขับรถเที่ยวได้เป็นวงกลม ถ้ามาตามทางหลวงหมายเลข 304 จากกบินทร์บุรีมุ่งหน้าปักธงชัย พอถึงอำเภอวังน้ำเขียวที่เที่ยวจะอยู่ 2 ฝั่ง ฝั่งซ้ายจะถึงทางเข้าก่อน เขียนว่าทางไปเขาแผงม้า เลยมาอีกหน่อยทางเข้าด้านขวามือต้อง U-turn รถ เป็นฝั่งทางด้านตำบลไทยสามัคคี ที่เที่ยวแต่ละฝั่งก็ตามแผนที่ด้านล่าง
คลิกที่แผนที่เพื่อดูแผนที่ขนาดใหญ่
โปรแกรมที่ไปครั้งนี้ (ที่ Plan ไว้กับที่ไปจริงต่างกัน เอาที่ไปจริงๆ ละกัน ^_^ )
วันแรก
8.15 ออกเดินทางโดยใช้เส้นทาง กรุงเทพฯ - นครนายก - ปราจีนบุรี - กบินทร์บุรี - วังน้ำเขียว
12.00 น. รับประทานอาหารที่ร้านครัวต้นไทร แนะนำโดยคนพื้นที่
13.30 น. วังน้ำเขียวฟาร์ม ศูนย์เพาะเห็ดเมืองหนาวและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเห็ด
14.30 น. วิลเลจฟาร์ม ดูขั้นตอนการผลิตไวน์ เยี่ยมชมโรงบ่มไวน์ ชิมไวน์ และซื้อผลิตภัณฑ์
15.30 น. เข้าที่พักบ้านวังน้ำเขียวลอด์จ อยู่ฝั่งทางไปเขาแผงม้า
18.00 น. ออกไปรับทานอาหารเย็นที่ครัวอิ่มสุข และชมวิวสวยๆ
ตอนที่ไปมีการทำถนนช่วงขึ้นเขาแถวเขาใหญ่และบนเขารถวิ่งได้ช้าช้า ถึงวังน้ำเขียวเที่ยง รวมแวะเข้าห้องน้ำประมาณ 2 ครั้ง ทานข้าวกลางวัน จากนั้นก็แวะเที่ยวแถบตำบลไทยสามัคคี ออกมา U-Turn รถไปวิลเลจฟาร์ม จริงๆ แถวนั้นมีที่เที่ยวอีกหลายที่แต่ไม่ได้แวะ เช่น สวนเบญจมาศ สวนลุงไกร ผาเก็บตะวัน ฯลฯ ซึ่งอยู่ในละแวกเดียวกัน ออกจากวิลเลจฟาร์ม U-Turn รถเข้าที่พัก
วันที่สอง
7.00 น. รับประทานอาหารเช้าที่พัก
9.00 น. สวนสุชาดา ดูแปลงปลูกดอกหน้าวัว ไร่องุ่น
10.30 น. อุทยานสมเด็จพุทธาจารย์โตพรหมรังสี แวะสักการะหลวงพ่อโต
12.00 น. รับทานอาหารที่สวนเมืองพร ชมวิวเขื่อนลำตะคอง
15.30 น. Primo Posto แวะทานไอศครีม-กาแฟ และถ่ายรูป
16.30 น. Daily Home แวะซื้อผักปลอดสารและนม
18.00 น. ถึงกรุงเทพฯ
ในโปรแกรมที่แพลนไว้ของวันที่สอง จะแวะโครงการกสิกรรมไร้สารพิษด้วย แต่ช่วงที่ไปคนพื้นที่บอกว่าไม่ค่อยมีอะไรเลยไม่ได้แวะชม
ครั้งนี้ไปทำงานนอกสถานที่ ศึกษาดูงานและกระชับความสัมพันธ์ ที่วังน้ำเขียวอากาศดีมากๆ สมกับเป็นสวิตเซอร์แลนด์แดนอีสาน ที่เป็นแหล่งโอโซนอันดับ 7 ของโลก ตอนที่ไปยังไม่ถึงหน้าหนาวแต่ก็อากาศเย็นสบาย ถ้าไปช่วงหน้าหนาวคงบรรยากาศดีกว่านี้มากๆ ถ่ายรูปมาเยอะเลย ทั้งที่พัก วิวและแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เลยรวมรวมเอามาเก็บไว้ในนี้ เพื่อเป็นข้อมูลกับคนที่สนใจที่ไปวังน้ำเขียว ตามมาเที่ยวกันเลยค่ะ ^_^
เริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ถ่ายวิวข้างทางไปเรื่อยๆ
เข้าเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
พอเข้าเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่จะเป็นทางขึ้นเขาในบางช่วง ช่วงที่ไปกำลังปรับปรุงถนนทำให้รถวิ่งได้ช้าๆ จริงๆ เห็นวิวมุมสูงแต่ในรูปดูไม่รู้เลยว่าสูง
เข้าเขตวังน้ำเขียวแล้ว
ถึง ก.ม. 79
ป้ายบอกทาง
ทางช่วงวังน้ำเขียวจะมีขึ้นลงเนินนิดหน่อย
รูปปั้นวัวกระทิง ซึ่งวังน้ำเขียวเป็นที่ที่มีวัวกระทิงอยู่ที่บริเวณเขาแผงม้า
U-Turn รถแล้วเลี้ยวเข้ามาตรงทางเข้าหมู่บ้านไทยสามัคคี
มีป้ายบอกทางที่พักและสถานที่ต่างๆ เป็นระยะๆ เข้ามาไม่ต้องกลัวหลง
วังน้ำเขียวมีทั้งหมด 5 ตำบล ฝั่งที่เราเข้ามาเป็นตำบลไทยสามัคคี ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรของอำเภอวังน้ำเขียว วิสัยทัศน์ของตำบลคือ ท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ เกษตรปลอดสาร การศึกษาก้าวไกล ไทยสามัคคีน่าอยู่อย่างยั่งยืน ^_^
วิวข้างทาง
ถึงตรงนี้จะมีทางแยกทางด้านซ้าย เราตรงไป
ตรงทางแยกจะมีป้ายบอกทางแบบนี้
เรามาแวะทานอาหารกันที่ร้านครัวต้นไทรซึ่งรีวิวไว้แล้วที่ พากิน ร้านครัวต้นไทร @ วังน้ำเขียว เป็นร้านที่แนะนำโดยคนท้องถิ่น ซึ่งการไปครั้งนี้ได้รับคำแนะนำหลายๆ อย่าง ร้านนี้ดูแล้วเป็นร้านธรรมดาๆ แต่อาหารอร่อยดี โดยเฉพาะน้ำพริกเห็ดสดกับผักสดๆ อร่อยมาก เมนูที่ไปแล้วไม่ได้ทานก็เหมือนมาไม่ถึงวังน้ำเขียวคือ ผัดเห็ดน้ำมันหอย ส่วนใหญ่ทุกร้านจะมีเมนูนี้ แม้แต่ไข่เจียวยังใส่เห็ด
หลังจากทานกลางวันแล้ว ก็เดินทางต่อไปยังวังน้ำเขียวฟาร์มซึ่งต้องเข้าไปอีก
ไม่รู้จะทำอะไรก็ถ่ายวิวไปเรื่อยๆ
ป้ายบอกทาง เลี้ยวไปสวนลุงไกรอีก 300 เมตรแต่ไม่ได้แวะ เส้นทางแถวนั้นไม่ค่อยดีเท่าที่ควร ถนนไม่กว้างแต่ยังดีที่ไม่ค่อยมีรถ
ตรงนี้น่าจะเป็นฝายสุขสมบูรณ์
ศาลาที่อยู่ริมฝาย
ถ้าน้ำมากเกินไปก็จะไหลลงตรงนี้
พื้นที่ด้านนี้ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ราบ ไม่ค่อยมีเล่นระดับเท่ากับทางฝั่งเขาแผงม้า
แต่ก็เขียวชอุ่ม มองไปแล้วสดชื่น
ถึงแล้ววังน้ำเขียวฟาร์ม ศูนย์เพาะเห็ดเมืองหนาว ที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน
ด้านหน้า
ที่นี่เป็นแหล่งเพาะเห็ดเมืองหนาวและมีสินค้าจำหน่ายด้วย
น่ารักดี ^_^
ป้ายด้านหน้าอีกสักรูป
ก่อนจะเข้าไปดูโรงเพาะเห็ด ก็จะผ่านส่วนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับเห็ด
เห็ดหอมสด
เห็ดหัวลิง ดูแล้วมันไม่ค่อยน่ากินเท่าไหร่ =.=
เห็ดออรินจิ
เห็ดหอมสดหรือเห็ดโคนไม่แน่ใจ
ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเห็ดหอม อันนี้เป็นข้าวเกรียบดิบเห็ดหอม
เห็ดต่างๆ อบแห้ง
การบรรจุเชื้อเห็ดลงในถุง
ในส่วนที่เป็นโรงเรือนเพาะเห็ดค่อนข้างเย็น เพราะต้องรักษาอุณภูมิและความชื้นให้เหมาะสม
มีการสาธิตการเปิดดอกเห็ดด้วย
เมื่อเชื้อเห็ดเจริญเติบโตเป็นเส้นใยในถุงจนได้ที่แล้ว ก็ต้องทำการเปิดดอกเห็ด ซึ่งจะเอาจุกของถุงออกเพื่อให้เห็ดงอกออกมา
ในภาพคือเห็ดหลินจือ
ดูใกล้ๆ อีกภาพ
เห็ดหัวลิง
จะวางเรียงแบบนี้
เป็นช่องๆ
ส่วนนี้คือ ถุงเชื้อที่เก็บดอกไปหมดแล้ว
กรงเลี้ยงผึ้ง ผึ้งจะบินออกไปหากินแล้วกลับมาที่รังของตัวเอง ในนี้จะมีรังผึ้งอยู่
วิวด้านข้างฟาร์ม
วิวด้านหน้าฟาร์ม
หินรูปหัวใจที่อยู่ด้านหน้า
ซูมใกล้ๆ สักรูป บ๊าย บาย วังน้ำเขียวฟาร์มด้วยรูปนี้
จากวังน้ำเขียวฟาร์ม เราก็ไม่ได้แวะเที่ยวที่ไหนในแถวนั้นอีกเลย ซึ่งจริงๆ แล้วก็มีที่เที่ยวอีกเช่น แปลงปลูกดอกเบญจมาศ สวนลุงไกร ผาเก็บตะวัน ฯลฯ ซึ่งถ้าจะดูดอกเบญจมาศสวยๆ ต้องมาประมาณเดือนมกราคม เพราะจะมีงานดอกเบญจมาศบาน
จากวังน้ำเขียวฟาร์มเราจะไปต่อกันที่ิวิลเลจฟาร์ม ตอนหน้าจะพาไปดูการผลิตไวน์และชิมไวน์กันที่วิลเลจฟาร์มค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชม Blog ของ bombik ค่ะ