มาเที่ยวสมุยครั้งนี้จุดหมายของเราคือ หมู่เกาะอ่างทอง เพราะว่ามาครั้งแรกซื้อ One Day Trip แล้วไปไม่ได้เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ว่ากันว่า หน้าที่น่าไปเที่ยวของสมุยและหมู่เกาะอ่างทอง ช่วง Hi Season จะอยู่ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม และ กลางมกราคม - ต้นพฤษภาคม และ ช่วง Peak Season ก็เป็นช่วงวันหยุดยาวตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม - กลางเดือนมกราคม ช่วงที่น่าเที่ยวจะมีช่วงที่ต่างจากทางฝั่งอันดามัน คือ เดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ช่วงนี้ทะเลกำลังสวยสงบ แต่..สภาพอากาศในปัจจุบันเอาแน่นอนไม่ได้ ก็เลยตัดสินใจจองเดือนมิถุนายนเลยละกัน ถือว่าเป็นการให้ของขวัญวันเกิดกับตัวเอง ตามมาชมความงามของหมู่เกาะอ่างทองกันเลยค่ะ
เราซื้อ One Day Trip หมู่เกาะอ่างทอง ของ samuileisure ราคาคนละ 750 บาท(เท่าที่หามาทัวร์นี้ราคา OK สุดแล้ว) ทัวร์เริ่มจากเกาะสมุย มีรถรับส่งจากโรงแรมที่ัพักไปท่าเรือ โปรแกรมเที่ยว คือ ชมทะเลในที่เกาะแม่เกาะ และขึ้นจุดชมวิวที่เกาะวัวตาหลับ รถจะมารับประมาณ 7.00 น. ที่ที่ัพัก วันที่เราไปรอรถนานถึง 7.30 น. เห็นว่าเลยเวลามานานแล้วเลยโทรไปสอบถาม ปรากฏว่ารถตู้ลืมรับเรา >_< ทางทัวร์ส่งรถอีกคันมารับ ไปถึงท่าเรือ 8.30 น. เรือออกพอดี สภาพอากาศไม่เปิด ทัศนวิสัยไม่ค่อยดีสำหรับการท่องเที่ยว เพราะมีหมอก ทำให้ไม่ค่อยมีแดด มาทะเลต้องแดดแรงๆ ถึงจะสวย
ระหว่างนั่งเรือก็ลุ้นไปตลอดให้ฟ้าเปิด สภาพอากาศดีขึ้นมานิดหน่อย นั่งคุยกันและชมวิวเพลินๆ ใช้เวลาเดินทาง 1.30 ชั่วโมง
บนเรือมีบริการอาหารเช้า เป็นชา กาแฟ ขนมปัง ครัวซอง และกล้วยหอม บริการตัวเอง
เรือแล่นมาได้ชั่วโมงกว่าๆ เราก็มาถึงหมู่เกาะอ่างทอง
บนเรือจะแยกคนออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่พายคายัค กับ กลุ่มที่ไม่พายคายัค ซึ่งกลุ่มที่พายคายัคก็แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือจะผลัดกันลงทีละกลุ่ม ซึ่งกลุ่มแรกจะปล่อยลงที่บริเวณนี้
ภาพมุมกว้างของเกาะเล็กใหญ่ที่เรียงรายกันอยู่
ให้รู้ว่าเป็นเรือของคนไทย ^_^
เรือจะจอด ปล่อยคายัคลงไปเรื่อยๆ
จะมีไกด์พายนำว่าจะพายไปที่ไหน
โชคดีที่แดดเริ่มออก
พอปล่อยเรือลงไป จะพายมุ่งหน้าไปรวมกันที่จุดนัดพบ
เมื่อลงไปครบแล้ว ก็จะมีไกด์พายนำไปตามเส้นทาง
ถ้าใครไม่ได้พายคายัคก็อยู่บนเรือรอจนปล่อยเรือคายัคจนครบ ราคาแพ็คเก็จถ้าพายคายัคด้วย 1,200 บาท ถ้าไม่ได้จองแบบพายคายัคมา แล้วเปลี่ยนใจอยากพาย ถ้าเขามีเรือสำรองมาด้วย เราแจ้งไปว่าจะพายแล้วก็จ่ายเงินเพิ่ม
พอปล่อยคายัคหมดแล้ว เรือก็มุ่งหน้าไปที่เกาะแม่เกาะ
ที่นี่เรือจะจอดอยู่กลางทะเล รอให้เรือเล็กมารับลูกทัวร์เข้าฝั่ง
ที่เกาะแม่เกาะ เราจะมาชมทะเลในที่มีน้ำทะเลสีเขียวมรกต ซึ่งเราจะต้องเดินขึ้นบันได ไปตรงตำแหน่งที่อยู่บนศาลาที่เห็นอยู่ด้านบน(มีต้นไม้บังศาลาอยู่)
เรือเล็กมารับที่เรือใหญ่เพื่อเข้าฝั่ง
ขึ้นมาบนเกาะแม่เกาะ มีธงไทยให้รู้ว่านี่คือผืนแผ่นดินไทย 
มีบันไดเหล็กขึ้นไปดูทะเลใน
ทะเลใน (ทะเลสาปน้ำเค็มกลางหุบเขา) เป็นแอ่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ โอบล้อมไปด้วยเทือกเขาหินปูนที่สลับซับซ้อน มีขนาดความยาว 250 เมตร กว้าง 200 เมตร ลึก 7 เมตร มีอุโมงค์ใต้น้ำ เชื่อมต่อทะเลภายนอก แต่คนไม่สามารถเข้าออกได้ สัณนิษฐานว่าเกิดจากการยุบตัวของผิวโลก
ขึ้นไปชมทะเลในกันเลยดีกว่า เหมือนจะไม่สูงเท่าไหร่ แต่ก็เหนื่อยเอาการ บันไดขึ้นจะเป็นเหล็กเล็กๆ ไม่อันตราย แต่ต้องเดินด้วยความระมัดระวัง ระหว่างเดินขึ้น หันหลังกลับลงมามองที่ชายหาด ก็จะเห็นวิวสวยๆ
วิวที่มองจากด้านที่เราขึ้นไป
เห็นวิวเกาะต่างๆ เรียงรายกันอยู่
อีกด้านก็จะเป็นทะเลใน สีเขียวมรกต สวยดี ^_^ เดิมมีทางลงไปด้านล่าง แต่ตอนนี้เขาปิดปรับปรุงเพราะทางชำรุดต้องซ่อมแซม
บริเวณนี้ก็จะมีศาลาเล็กๆ อยู่ด้านบนให้นั่งพัก หลบแดดได้
แปลกและสวยดี น้ำนิ่งมาก
ดูมุมอื่นๆ บ้าง
วิวตอนเดินลง บริเวณหาดและน้ำทะเล จะเห็นว่ากลุ่มที่พายคายัคมา ก็มาถึงแล้ว
ลงมาด้านล่าง ก็ยังมีเวลาเหลือ สามารถเดินเล่นหรือนั่งพักอยู่บริเวณนั้น มีร้านค้าเล็กๆ ขายขนมและน้ำดื่มที่หาด
ถึงเวลาก็ไปขึ้นเรือเล็ก เพื่อขึ้นเรือใหญ่ต่อไปที่เกาะวัวตาหลับ
ขึ้นเรือใหญ๋มาก็ได้เวลาอาหารเที่ยง ต่อคิวรับข้าวถาด ไม่อิ่มเติมได้ อาหารก็ OK ง่ายๆ
ไม่นานเราก็มาถึงเกาะวัวตาหลับ
ต้องลงเรือเล็กต่อไปบนเกาะ ระหว่างทางไกด์ก็จะบรรยายเกี่ยวกับเกาะวัวตาหลับ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ไกด์จะบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ จุดชมวิวที่เราจะขึ้นไปก็อยู่บนยอดเขาบนโน้น..
ถึงแล้วเกาะวัวตาหลับ บนเกาะนี้จะเป็นที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง บนเกาะจะมีจุดที่สามารถท่องเที่ยวได้คือ เล่นน้ำที่ชายหาด เข้าถ้ำบัวโบกซึ่งข้างในจะมีหินงอกหินย้อย และขึ้นไปจุดชมวิวผาจันทร์จรัส ซึ่งอยู่ด้านบนต้องปีนเขาขึ้นไป
ชายหาด ขนาดว่าอากาศไม่เปิดยังเห็นความสวยงม ถ้าแดดแรงๆ คงสวยกว่านี้
บริเวณนี้จะมีที่นั่งและร้านค้า
วันที่เราไป มีนางงามผู้เข้าประกวด Miss Labanon มาเก็บตัวที่สมุยและแวะมาหมู่เกาะอ่างทอง
เกาะวัวตาหลับ
ทางขึ้นจุดชมวิว 500 เมตร เหมือนจะไม่ใช่ระยะทางการเดิน แต่น่าจะเป็นความสูงจากระดับน้ำทะเลเพราะรู้สึกว่าเดินไกลและเหนื่อยมากกกก
เป็นเส้นทางการศึกษาธรรมชาติ ชมวิวผาจันทร์จรัส
เริ่มขึ้นกันเลย ระหว่างทางจะมีเชือกให้เกาะตลอด เดินขึ้นเขาไปเรื่อยๆ ทางจะเป็นก้อนหินและโขดหินแบบในรูป ใครที่จะมาปีนจุดชมวิวนี้แนะนำให้ใส่รองเท้าสบายๆ ทะมัดทะแมงแบบรัดส้น ถ้าจะให้ดีใส่ผ้าใบจะดีกว่ามาก ใส่กางเกงหนาๆ ก็ดีเพราะบางจุดอาจจะต้องนั่งและไต่ลงมา
เริ่มหอบ เหงื่อท่วมตัวแต่ยังไม่ถึงจุดชมวิวแรกเลย (
)
เดินถ่ายรูประหว่างทางไปด้วย ในที่สุดเราก็มาถึงจุดชมวิวที่ระดับความสูง 100 เมตรใช้เวลาประมาณ 15 นาที
จะเห็นวิวของชายหาดด้านล่าง
ระหว่างเส้นทางก็จะมีป้ายความรู้ต่างๆ ให้ได้อ่านเหนื่อยก็หยุดพักอ่านก่อนได้ ระหว่างทางสังเกตว่าจะมีเปลือกหอยอยู่ประปรายตลอดทาง สงสัยว่าหอยมันไต่ขึ้นมาบนเขา หรือจริงๆ แล้วบริเวณนี้เคยอยู่ในน้ำมาก่อน หรือใครเอามันขึ้นมา (-_-)a
ตอนนี้ร้อนมากเหงื่อท่วม เราก็มาถึงจุดชมวิวที่ 200 เมตร โชคดีที่เอาผ้าขนหนูผืนเล็กๆ ติดมาด้วย กว่าจะลงเหงื่อเปียกผ้าขนหนูชุ่มไปหมด แทบจะบิดเอาน้ำออกมาได้ 
วิวที่จุดชมวิว 200 เมตร
ขาเริ่มล้าขึ้นเรื่อยๆ แต่ในที่สุดเราก็มาถึงจุดชมวิวที่ 300 เมตร
จุดชมวิวที่ 300 เมตรมุมกว้าง
ซึ่งเส้นทางต่อจากนี้เริ่มโหด และชันขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เมื่อยสุดๆ ชักเริ่มนึกถึงเวลาลงว่าจะมีแรงลงหรือเปล่า เดินสวนกับคนที่ลงมาบอกว่าสู้ๆ อีกนิดเดียวจะถึงแล้วและจะมีช่วงวัดใจนิดนึง ก็ยังไม่รู้นะว่าคืออะไร ไหนๆ ก็มาถึงตรงนี้แล้ว อีกนิดเดียวสู้ๆ v(^_^')
แล้วเราก็ได้รู้ว่า ช่วงวัดใจที่คนที่เดินสวนลงไปบอกคืออะไร ตรงนี้จะมีป้ายเตือนไว้ว่า โปรดระวัง! ทางชันต้องปีนเขา และบอกเบอร์โทรฉุกเฉินไว้ด้วย >_<
ช่วงสุดท้ายเราต้องจับเชือกแล้วปีนขึ้น ช่วงแรกไม่ยาก เราปีนขึ้นมาได้ระดับนึงแล้วและมองลงไป ด้านที่เราปีนขึ้นมา พักถ่ายรูปอยู่ตรงนี้ก่อน ดีที่ยังไม่มีใครตามขึ้นมา
เห็นช่วง 10 เมตรสุดท้ายที่ต้องปีนขึ้นชักเริ่มปอด 555 มองลงไปด้านล่าง เกิดกลัวขึ้นมาซะงั้น แต่เห็นน้องคนนึงใส่รองเท้าแตะด้วยยังปีนขึ้นไปได้ ไหนๆ มาถึงแล้วก็ต้องขึ้นไปให้ถึง สุดท้ายก็ขึ้นไปถึงด้านบน
ที่เห็นรูปเขาถ่ายวิวสวยๆ มาเนี่ย เพิ่งรู้ว่าเบื้องหลัง มันเหนื่อยแบบนี้เอง ใช้เวลาจากด้านล่างขึ้นมาถึงจุดสูงสุด 1 ชั่วโมงพอดี ข้างบนมีหมอก ทัศนวิสัยไม่ดีเท่าไหร่ แต่ก็สวยงาม
วิวจากบนจุดชมวิว จะเห็นเกาะเล็กใหญ่ ในหมู่เกาะอ่างทองเรียงรายกันอยู่เบื้องหน้า เห็นวิวแล้วก็หายเหนื่อย
ไกด์ที่พาเราขึ้นมา มานั่งรอลูกทัวร์อยู่ด้านบน
บริเวณด้านบนจะเป็นพื้นที่ที่ทำจากไม้เป็นสี่เหลี่ยมไว้ยืนชมวิว เวลาในขณะนั้น ชมวิวถ่ายรูปกันจนพอใจ ก็ต้องรีบลง เพราะว่าคงต้องใช้เวลาอีกประมาณ 1 ชั่วโมง
ตอนขึ้นว่ายากแล้ว ตอนลงยิ่งน่ากลัวกว่า เห็นแล้วเสียวขา >_<
เวลาลงต้องค่อยๆ ลง บางช่วงไม่สามารถที่จะยืนและไต่ลงมาได้ การนั่งและค่อยๆ เดินลงมา เป็นวิธีการที่เราใช้ โชคดีที่ใส่กางเกงยีนส์สามส่วน มีสาวเกาหลีใส่บิกินี่ขึ้นไป เวลาลงลำบากมาก เพราะบางช่วงไม่สามารถนั่งได้เพราะหินคม จับเชือกตลอดและต้องระวังเพราะมีคนอื่นๆ จับเชือกอยู่ด้วย อาจจะทำให้มือเราไปกดและขูดกับหินได้
อย่านำสัมภาระติดตัวไปเยอะ เพราะจะไม่สะดวกตอนช่วงที่ขึ้นด้านบน กระเป๋าที่เราเอาไป ใส่น้ำใส่ของที่จำเป็น ต้องวางไว้ก่อนขึ้น 10 เมตรสุดท้ายไม่แบกขึ้นไปด้วย
ในที่สุดก็ลงมาถึงด้านล่างได้อย่างปลอดภัย และไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ใช้เวลาขึ้นและลงไปประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง จริงๆ อยากมาอีก อยากเห็นตอนที่มันสวยกว่านี้ แต่พอคิดถึงตอนขึ้น...อย่าเลยไปที่อื่นก่อนดีกว่า =.=
ลงมาเดินเล่นด้านล่าง รอเวลาขึ้นเรือ
เรือที่จะพาขึ้นเรือใหญ่
ถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยๆ รอขึ้นเรือ อยากกลับแล้ว
ชายหาดเกาะวัวตาหลับ มุมกว้าง
ก่อนออกเรือ ฝรั่งก็กระโดดน้ำเล่นจากดาดฟ้าเรือ
เรือชาวประมงที่ออกทะเล แล่นกลับฝั่งพร้อมกับเรือของเรา
ถึงแล้วท่าเรือหน้าทอน
เป็นทริปขึ้นจุดชมวิว ที่โหดที่สุดเท่าที่เคยเที่ยวมา แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่ดี หมู่เกาะอ่างทองสวยงาม สมกับที่อยากมา ถึงแม้ว่าฟ้าจะไม่เปิด มีหมอก แต่ก็ยังเห็นความสวยงาม มีข้อแนะนำสำหรับคนที่จะขึ้นปีนขึ้นไปบนจุดชมวิวคือ
- เตรียมร่างกายให้พร้อม
- ควรแต่งตัวทะมัดทะแมง เสื้อผ้ากระชับ
- รองเท้าผ้าใบ หรือ อย่างน้อยรองเท้ารัดส้น จะสะดวกกว่า(ต้องใส่สบายด้วยนะ)
- น้ำเปล่าต้องเตรียมให้พอ เพราะจะกระหายน้ำมากๆ เสียเหงื่อมาก
- ไม่ต้องเอาอะไรติดตัวไปมาก นอกจากของจำเป็น
- ยาดม ยาลม ยาหม่อง เผื่อเป็นลม เพราะเห็นมีคนจะเป็นลมด้วย
- ผ้าขนหนูเล็กๆ ไว้เช็ดเหงื่อ
ปล ควรระมัดระวังตัวและมีสติตลอดโดยเฉพาะช่วงสุดท้าย อ้อ! ถ้ากลัวจับเชือกแล้วจะเจ็บมือ มีถุงมือก็ดีนะ
ขอบคุณที่มาเยี่ยมชม Blog ของ bombik ค่ะ แล้วแวะมาอีกนะคะ ^_^
