ต่อจาก พาเที่ยว เกาะไหง(5) : Bye Bye เกาะไหง
เดินทางออกจากท่าเรือปากเมงมาได้ประมาณสองชั่วโมง เลยสนามบินกระบี่มาได้นิดนึง
เจอสามแยกไฟแดง มีป้ายบอกทางไปบ้านถ้ำเสือ เลี้ยวขวามา เข้ามาหน่อยก็จะเจอวัดถ้ำเสือ
ก่อนถึงจะเห็นพระธาตุเจดีย์ยอดเขาแก้ว ซึ่งตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนยอดเขาแก้ว
ในรูปมองไม่ค่อยเห็น มองลิบๆ เป็นแหลมๆ อยู่บนยอดเขา
วัดจะตั้งอยู่บริเวณเชิงผา เป็นลักษณะสวนป่า ในภาพคือพระสังกัจจายน์ เชื่อว่าหากสักการะ อานุภาพของท่าน จะประทานความสมบูรณ์พูนสุขและโชคลาภ ให้แก่ผู้สักการะ
เชิงผาภายในวัด
ทางเข้าวัด ที่จะเดินไปสักการะเจ้าแม่กวนอิมด้านใน
ฝูงลิงป่า เนื่องจากวัดนี้อยู่ใกล้ป่าเขา ทำให้มีฝูงลิงป่าจะนวนมากในวัด เวลาซื้อของกินต้องระวังให้ดี
หากเผลอลิงก็จะมาแย่งถุงไป
ตอนไปไหว้พระก็เดินเข้าไปข้างในสุดก่อนก็จะเจอกับพระตำหนักพระโพธิสัตว์กวนอิม
ทางขึ้นยอดเขาพระพุทธบาท
ทางขึ้นเขา ต้องขึ้นบันได้ทั้งหมด 1,237 ขั้น แต่วันนั้นมีเวลาจำกัดเลยไม่ได้ขึ้น
น้ำตกเล็กภายในวัด ทำให้บรรยากาศดูร่มรื่นมากขึ้น
ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นพระพิฆเนศ
พระตำหนักพระโพธิสัตว์กวนอิม เจ้าแม่กวนอิมด้านในมีความสูง 5 เมตร
เวลาจะไปสักการะ ก็ซื้อดอกไม้ธูปเทียนด้านข้าง ซึ่งจะมีแม่ชีคอยจัดให้ สีของธูปเทียนจะเป็นสี
ตามวันที่เกิด
ธูปหลากสี
เทียนหลากสี
เอาไว้ใส่อะไรไม่ทราบ อาจจะเป็นน้ำมนต์ ดูแล้วสวยดี
จริงๆ ที่วัดนี้มีสถานที่ที่น่าสนใจหลายอย่าง แต่เพราะเวลาที่จำกัดทำให้ไม่ได้เดินดูทั่ว
ลิงแม่ลูกอ่อน มีคนซื้อถั่วลิสงต้มให้มันกิน
ส่วนนีี้คืออะไรไม่ทราบ
ภายในวัดก็จะมีวัตถุมงคลให้เช่า
รอยพระพุทธบาทจำลอง อยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่
อาคารรับรองพระเถระ
กุฏิเจ้าอาวาส
ชิงช้าที่แขวนไว้ให้ลิงเล่น
หน้าผามีสีแบบนี้ สวยแปลกดี
พระศิวลี
พระพุทธมงคล
ผู้ที่ต้องการเสี่ยงโชคจะชอบมุมนี้ โปรดสังเกตป้ายที่ติดอยู่ที่ต้นไม้
พระธาตุเจดีย์ระฆังใหญ่ อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง สูง 90 เมตร มี 5 ชั้น
หลังจากออกจากวัดถ้าเสือก็เข้ามายังตัวเมืองกระบี่เพื่อแวะซื้อของฝากและรับประทานอาหาร
แวะกันที่ร้านจี้ออ เป็นร้านขายของฝากที่ตัวเมืองกระบี่
สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย เขาจะมีสติ๊กเกอร์แบบนี้ติดที่เสื้อ เพื่อแบ่งแยกและคิดราคาคนไทย
บริเวณร้านจี้ออก ก็มีร้านกาแฟให้นั่งสบายๆ อยู่ร้านนึง
ชื่อร้าน Rak Cafe รักคาเฟ่ รักกาแฟ
ท้องฟ้ายามเย็นของเมืองกระบี่ โชคดีที่กระบี่ฝนไม่ตก
หลังจากซื้อของฝาก ก็มาแวะทานข้าวเย็นที่ร้านก้อยกุลาสัย มื้อนี้ไ้ด้ทานอะไรที่ไม่เคยทานหลายอย่าง
เมนูแรกคือหอยชักตีน
ปลาอินทรีทอดซีอิ้ว อันนี้เคยทานทั่วๆ ไป
ขาดไม่ได้คือผัดผัก
มื้อนี้มีน้ำพริกกุ้งเสียบอีกแล้ว ไม่ได้ถ่ายรูปมา มีผักพื้นเมืองแปลกๆ ที่ไม่รู้จักหลายอย่างให้ทานกับน้ำพริก รวมถึงจานนี้ด้วย ดูเหมือนมันจะเป็นสาหร่ายทะเล รสชาติเค็มๆ โดยเฉพาะตรงปลายใบจะเป็นตุ่มใสๆ พอทานก็จะเป็นน้ำแตกออกมาเค็มๆ แปลกดี
อันนี้เรียกปลาอะไรจำชื่อไม่ได้ แต่เป็นปลาราดพริกที่รสชาติของปลา คล้ายกับปลากระป๋อง
แถมกระดูกก็นุ่มทานได้เหมือนกับปลากระป๋อง
เด็กซนบนผนังห้องน้ำ
สาวสวยหน้าห้องน้ำ
จากนั้นก็เดินทางกลับ ออกจากกระบี่ประมาณ 2-3 ทุ่ม ถึงกรุงเทพฯ ฟ้าสางพอดี
บรรยากาศยามเช้าบนสะพาน นิ่งสงบ
ตึกรามบ้านช่อง ในที่สุดก็กลับมาถึงเมืองหลวง เตรียมพร้อมที่จะทำงานต่อไป
สวนลุมตอนเช้า
รถวิ่งผ่านอนุเสาวรีย์ โชคดีที่ไม่มีใครปิดถนนแล้ว แต่ยังมีทหารยืนอยู่เป็นจุดๆ
แทนที่จะได้กลับไปเล่นสงกรานต์พักผ่อนที่บ้าน กลับต้องมายืนเฝ้าถนนแบบนี้
หมดไปอีกทริปสำหรับปีนี้ ถือว่าโอเคแต่ไม่ค่อยประทับใจเท่าที่ควรคงเนื่องจากเจอเรื่องเซ็งๆ
ถ้าต้องไปเกาะไหงอีกที คงจะเปลี่ยนที่พักเป็นอีกด้าน เช่นเกาะไหงแฟนตาซี ทับวารินทร์ หรือไม่ก็
CoCo Cottage น่าจะโอเคกว่าเพราะว่าเราชอบที่ที่มีหาดยาวๆ ให้เดินเล่นได้ ถ้าไปอีกทีจะต้องขึ้นไป
เที่ยวบนเกาะรอกให้ได้ คาดว่าปีหน้าคงไปซ้ำอีกรอบ
ขอบคุณที่ติดตามชมค่ะ