ต่อจากตอนที่แล้ว พาเที่ยวภูเก็ต ตอนที่ 1 : จากกรุงสู่เกาะ ไหว้พระวัดฉลอง
ออกจากวัดฉลอง มุ่งหน้าไปทางหาดราไวย์ จากหาดราไวย์ 2 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายขึ้นจุดชมวิวแหลมพรหมเทพ เวลาประมาณ 16.00 น. เราก็ถึงแหลมพรหมเทพ จุดพระอาทิตย์ตกที่ว่ากันว่าสวยที่สุดในเมืองไทย เป็นอีกที่หนึ่งเมื่อมาภูเก็ตแล้วไม่ควรพลาด แหลมพรหมเทพอยู่ทางใต้สุดของภูเก็ต เป็นแหลมยืนออกไปในทะเล เวลาฟังพยากรณ์อากาศจะได้ยินบ่อยๆ ว่าพระอาทิตย์ตกที่แหลมพรหมเทพเวลา...วันนั้นพระอาทิตย์ตกเวลาหกโมงกว่าๆ จำไม่ได้แล้วว่าเท่าไหร่ แต่จะมีป้ายบอกไว้ ถ้าไม่มีเมฆบังคงสวยกว่านี้ เป็นอีกที่หนึ่งที่โรแมนติกดี ลมพัดเย็นๆ กับการชมพระอาทิตย์ตก ^_^
Post นี้คงจะไม่บรรยายมาก เพราะภาพส่วนใหญ่จะเป็นภาพพระอาทิตย์ตก ดูรูปเพลินๆ แล้วกันนะคะ วันนั้นมีเมฆปกคลุมเป็นบางส่วนแต่ก็ยังเห็นความสวยงามอยู่ พอไปถึงก็จอดรถที่ลานจอดรถ แล้วก็เดินขึ้นไปด้านบนทางซ้ายมือ วิวด้านขวาจะเป็นแบบนี้ เห็นกังหันลมอยู่ไกลๆ หาดที่เห็นคือหาดในหาน
ตรงแหลมพรหมเทพจะเป็นลักษณะหน้าผาสูง มองลงไปเบื้องล่างก็จะเป็นแบบนี้
ปลายแหลมสุดที่ยื่นออกไปในทะเล สามารถเดินลงไปด้านล่างได้ เนื่องจากเรามาเร็วเหลือเวลาอีกนานกว่าพระอาทิตย์จะตก เดี๋ยวจะพาลงไปสำรวจด้านล่างกันค่ะ เมื่อก่อนภูเก็ตเคยถูกเรียกว่าแหลมจังซีลอน ที่มาของห้างจังซีลอนในภูเก็ตเป็นแบบนี้นี่เอง
ทางด้านที่เป็นปลายแหลม ก็จะมีต้นตาลขึ้นอยู่ประปราย ปกติริมทะเลจะเห็นแต่ต้นมะพร้าว เมื่อก่อนคงมีเยอะกว่านี้ ตอนนี้เหลืออยู่ไม่กี่ต้น เพราะเท่าที่เห็นส่วนใหญ่จะตายแล้วเพราะยอดหายเหลือแต่ต้นไม่มีใบเลย และคาดว่าอีกไม่นานคงไม่เหลือถ้ามันตายเรื่อยๆ
เราเดินลงมาที่ปลายแหลมด้านล่างกัน ทางไม่ชันมากพอเดินได้ แต่ต้องระมัดระวัง ระยะทางเท่าที่ประมาณก็น่าจะเกือบกิโลเมตร จากด้านบนเดินลงมาที่ปลายแหลม ใช้เวลาประมาณ 10-20 นาที กะเวลาแน่นอนไม่ได้เพราะว่าเดินไปถ่ายรูปไป มองดูแล้วคนตัวเล็กนิดเดียวเอง
เดินลงไปและมีเดินขึ้นเนินนิดหน่อย ตรงนั้นจะเป็นพิกัดดาวเทียมของทหาร
ด้านข้างทั้งสองข้างก็เป็นหน้าผาด้านล่างเป็นโขดหิน แต่ไม่น่ากลัวเพราะทางกว้าง น้ำซัดเข้ากระทบกับโขดหินด้านล่างเป็นฟองขาวสวยดี
วิวด้านซ้ายมือ
ถ่ายจากปลายแหลมขึ้นไป เห็นคนที่อยู่ตรงจุดชมวิวด้านบนตัวเล็กมาก แต่ถ้ามองในภาพนี้ไม่เห็นเลย
GPS ดาวเทียมทหาร
เกาะที่มองเห็นจากแหลมพรหมเทพ น่าจะเป็นเกาะแก้ว จะเห็นมีพระอยู่บนเกาะด้วย สามารถข้ามเรือจากหาดราไวย์ไปยังเกาะแก้วได้ ว่ากันว่าเกาะนี้มีีหาดทรายสวยและดำน้ำดูปะการังได้ บนเกาะยังมีรอยพระพุทธบาทจำลองด้วย
ภาพด้านล่างอีกสักภาพ
ปลายแหลมสุดของแหลมพรหมเทพ
ริมหน้าผาสูงชัน โขดหินที่แข็งแกร่ง ขุนเขาที่ยิ่งใหญ่ ก็ยังมีความงดงามเล็กๆ แบบอ่อนโยนอยู่ด้วย ^_^
ดอกไม้ริมผาแหลมพรหมเทพ
ยืนยันว่าเรากำลังอยู่ตรงแหลมจริงๆ
พระอาทิตย์เริ่มต่ำลง ก็เดินกลับขึ้นมาด้านบน เหนื่อยเอาการ เหงื่อท่วมตัว ขึ้นมาจับจองที่นั่งเพื่อรอดูพระอาทิตย์ตก
บริเวณนั้นก็จะเป็นที่นั่งยาวเลาะริมผา ยิ่งใกล้พระอาทิตย์ตกคนยิ่งมีจำนวนมากขึ้น
วันนั้นฟ้าไม่เคลีย์เท่าไร มีเมฆปกคลุมอยู่บ้าง ลุ้นว่าตอนพระอาทิตย์ตกเมฆอย่าบังเลย
นั่งอยู่ตรงนั้นลมเย็นๆ ก็ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ
นั่งห้อยขาหันหน้าออกทะเล นั่งไปได้สักพักงูเขียวเลื้อยมาจากไหนก็ไม่รู้ ดูตั้งแต่มันเลื้อยมา กะว่าเดี๋ยวมันก็เลื้อยผ่านไป แต่พอถึงตรงใกล้ๆ ที่เรานั่งมันกลับทำเหมือนจะเลื้อยขึ้นมาบนที่นั่งซะนี่ เลยกระโดดลงไปข้างล่าง -_-" จริงๆ ก็ไม่ได้กลัวหรอกนะ แต่มันตกใจที่อยู่ๆ มันจะเลื้อยขึ้นมาหา
เปลี่ยนโหมดถ่ายบ้าง
ถ่ายย้อนแสงถ้าเปิดแฟลชก็จะได้แบบนี้ เห็นเป็นเงาดำๆ ถ้าถ่ายคนจะได้ตัวคนเป็นเงาดำๆ โรแมนติก..ตอนมาถึงใหม่ๆ เห็นมีเจ้าบ่าวเจ้าสาว มาถ่ายรูป Pre-wedding กันด้วย ไม่รู้ไปถ่ายกันตรงไหน พอขึ้นมาก็ไม่เห็นแล้ว เคยเห็นรูปหลายๆ Studio ที่เป็นรูปพระอาทิตย์ตกแล้วบ่าวสาวเป็นเงาดำๆ สวยดี
แสงอาทิตย์สาดส่องลงมาบนพื้นน้ำในทะเล ทำให้เห็นสีทองเป็นระลอกคลื่น บรรยายซะสวยงามแต่ภาพได้แค่นี้แหละ เพราะ Compact ธรรมดาๆ
จับเอาไว้ก่อน อย่าเพิ่งตก
มีเมฆลอยมาบังเป็นช่วงช่วง ส่วนหลินฮุ่ยเลี้ยงอาหมวยอยู่
ภาพที่ตาเห็นจริงๆ สวยกว่าในรูปมาก
พระอาทิตย์ก็เริ่มคล้อยต่ำลงๆ
ในที่สุดก็จุ่มลงในทะเล นั่งรอมานานมาก แต่ช่วงที่พระอาทิตย์จุ่มลงในทะเลจะเป็นช่วงที่เร็วมากๆ แค่ไม่กี่วินาทีก็จะหายไปแล้ว ถ้าจะถ่ายรูปควรเตรียมตัวให้พร้อม มันเร็วมากจริงๆ
ถ่ายแนวตั้งดูบ้าง กล้องเราซูมได้แค่ 3x รูปพระอาทิตย์ก็ได้ดวงเท่านี้ล่ะ =.=
ถ้าเป็นกล้องเทพที่ซูมได้หลายเท่า ซูมแล้วเห็นพระอาทิตย์ดวงโตๆ แล้วไม่มีเมฆมาบัง ตอนพระอาทิตย์จุ่มไปครึ่งดวง คงจะเป็นภาพที่สวยมาก
ตอนพระอาทิตย์ตกกดชัตเตอร์ตลอด มีทุกช่วงจนลับขอบฟ้า ถ้าเอามาลงเกรงว่าจะเยอะไป
ดูภาพแบบพาโนรามากันบ้าง
พาโนรามา ตอนที่พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว
เบื้องหลังภาพทั้งหลายด้านบน
พอพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า แสงจันทร์ก็เริ่มสว่าง ทั้งๆ ที่มีแค่เสี้ยวนึงเท่านั้น พระอาทิตย์กลางวัน พระจันทร์กลางคืน
ประภาคารกาญจนาภิเษกเป็นเครื่องหมายในการเิดินเรือ ข้างในของประภาคารก็มีการจัดแสดงนิทรรศการเรื่องกระโจมไฟ และจัดแสดงเรือหลวงจำลองต่างๆ เปิดเวลา 10.00 - 19.00 น.ทุกวัน
ท้องฟ้ายามพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า สวยดี
เราเดินทางกลับเข้าเมืองเพื่อหาข้าวเย็นทาน มื้อเย็นเราไปทานกันที่ร้านโพธิ์ทอง แถววงเวียนหอนาฬิกา และต่อด้วยการไปทานโอ๊ะเอ๋วที่ตลาดโต้รุ่ง
การสัญจรในเมืองจะใช้มอเตอร์ไซค์เป็นส่วนใหญ่ เพราะเดินทางสะดวก มีมอเตอร์ไซค์ให้เช่าวันละ 150 บาท รถรับจ้างต่างๆ ในเมืองราคาแพงมาก คนซ้อนมอร์เตอร์ไซค์ เหมือนเป็นเรื่องปกติถ้าเห็นผู้หญิงใ่ส่กระโปรงแล้วนั่งคร่อม
หมดวันแรกสำหรับชีวิตในเมืองภูเก็ต ตอนต่อไปจะพาไปเที่ยวเกาะเฮและเกาะรายากันค่ะ
ตอนต่อไป พาเที่ยวภูเก็ต ตอนที่ 3 : จากอ่าวฉลอง ถึง เกาะรายา
ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชม Blog ของ bombik ค่ะ ^_^