ต่อจาก ไปเลี้ยงแกะที่ Swiss Valley Hip Resort สวนผึ้ง ราชบุรี(4) มาถึงตอนสุดท้ายแล้วค่ะ หลังจากที่เล่ามายาวถึง 4 ตอน ตอนนี้มาอัพช้าเนื่องจาก IBM ที่ใช้อยู่เกิด Harddisk ตายขึ้นมากระทันหัน เป็นอันให้ข้อมูลในนั้นหายไปทั้งหมด T_T ไม่สามารถกู้คืนได้ คงถึงเวลาอันสมควรของมัน ใช้มา 5 ปีไม่เคยมีอะไรเสียเลย เสียดายที่ไม่ได้ Backup ข้อมูลในเครื่องไว้เลย เฮ้อ..มาเที่ยวต่อกันดีกว่าค่ะ ใน Post รูปเยอะ โหลดช้าก็ต้องขออภัยนะคะ
ไปแวะที่สะพานคู่รักอีกรอบ เพื่อไปแขวนแม่กุญแจ
แล้วก็เอาลูกโยนลงในแม่น้ำด้านล่าง แม่กุญแจจะมีให้ 2 อัน และลูกกุญแจแต่ละแม่มีจะมีลูกให้ 2 ดอก เราเอาลูกกุญแจโยนลงแม่น้ำไปแค่คู่เดียว ส่วนอีกคู่เก็บกลับมา เผื่อกลับไปไข
เราแขวนไว้แถวๆ นี้ เพราะคิดว่าถ้าบ้าน 2 หลังนี้สร้างเสร็จ วิวตรงนี้คงจะสวย ใครไปแล้วเจอของเราก็ถ่ายรูปมาให้ดูกันบ้าง ^_^ หรือถ้าอยากจะไปไขออก ก็ลงไปงมลูกกุญแจในแม่น้ำ มีเขียนชื่อไว้ที่ลูกกุญแจด้วย งมขึ้นมาไขออกได้เลย จริงๆ ใช้ลูกกุญแจอะไรก็ไขออก
สระว่ายน้ำ
ออกมาขึ้นรถด้านหน้า ม้าตัวนี้มันคึกเป็นพิเศษ พนักงานบอกว่ามันกำลังอยู่ในช่วงที่ต้องการผสมพันธุ์
บายๆ Swiss Valley สวย สงบ เป็นส่วนตัว เหมาะกับการพักผ่อน ที่พักน่ารัก วิวสวย ที่สำคัญอากาศบริสุทธิ์ ไว้มีโอกาสจะมาเที่ยวที่นี่อีก ^_^
ออกจาก Swiss Valley เรามุ่งหน้าไปยังธารน้ำร้อนบ่อคลึง ซึ่งจะต้องเดินทางเข้าไปอีก ออกมาจาก Swiss Valley ได้นิด ด้านซ้ายมือจะเป็น The Scenery Resort
เลยมาอีกนิดก็จะเป็นทางเข้า Swiss Valley อีกด้าน
วิวข้างทาง
ระหว่างทางก็มีรีสอร์ทต่างๆ หลายรีสอร์ท
วัดที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติสวยๆ
ใช้เวลาประมาณไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็มาถึง ธารน้ำร้อนบ่อคลึง เสียค่าเข้าคนละ 5 บาท
ตามป้ายบอกว่าผู้ค้นพบคือ นายประยูร โมนยะกุล ค้นพบเมื่อปี พ.ศ.2468 และที่ดินบริเวณนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของตระกูลโมนยะกุล
บริเวณนี้เป็นแอ่งน้ำตามธรรมชาติ ที่น้ำร้อนไหลลงมา แต่รอบๆ ก็มีการก่อสร้างเพิ่มเติมแล้ว
สามารถลงไปอาบได้ แต่ดูเหมือนน้ำจะน้อย และไม่ค่อยน่าลงเท่าไหร่
บริเวณที่น้ำไหลลงมา
ลองเอามือไปจุ่มตรงนี้น้ำก็อุ่นๆ ไม่ร้อน ที่นี่นอกจากจะมีสระธรรมชาติแล้ว ก็ยังมีสระที่ทำขึ้นมา เพื่อให้คนที่มาไปแช่ตัวได้อย่างสบายๆ มีความเชื่อกันว่า แร่ธาตุที่อยู่ในน้ำและความร้อนของน้ำจะช่วยรักษาโรคได้
จากบ่อน้ำด้านล่าง เราก็เดินขึ้นไปด้านบน เพื่อไปดูต้นกำเนิดของธารน้ำร้อน ระยะทางประมาณ 150 เมตร ไม่ไกลแต่ก็เหงื่อตกเหมือนกัน -_-' ทางเดินจะเป็นก้อนหินและไม่ค่อยราบเรียบ ถ้าพาเด็กและผู้สูงอายุไปก็ระวังนิดนะคะ ถึงแล้ว ต้นธารน้ำร้อนบ่อคลึง
มีน้ำไม่มาก แต่ไหลอยู่เรื่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ๆ รู้สึกได้ถึงไอความร้อน ที่นี่เขาห้ามแช่เท้าลงไป เพราะเขานำไปใช้อุปโภคบริโภคกัน
เดินไปดูตาน้ำ(ทางน้ำใต้ดิน ที่มีน้ำไหลไม่หยุด) ที่มีน้ำผุดขึ้นมา ไปนั่งรอดูสักพักก็เห็นน้ำผุดขึ้นมา
น้ำจะผุดขึ้นมาจากใต้ดินเรื่อยๆ บริเวณนี้ น้ำจะร้อนกว่าด้านล่าง คงเพราะว่าเป็นต้นกำเนิด กว่าจะไหลลงไปความร้อนก็คงลดลง
พื้นน้ำด้านล่างแถวนี้จะเป็นตะไคร่น้ำสีเขียวๆ ตั๊กแตนตัวนี้คงกระโดดเล่น โดยไม่รู้ว่าน้ำตรงนี้มันร้อน เลยต้องเป็นตั๊กแตนครึ่งท่อนอยู่เฝ้าต้นธารน้ำร้อน
จากธารน้ำร้อน เราเดินทางต่อมาที่ลันดาออคิด ที่อยู่ใกล้ๆ กัน มาชมดอกกล้วยไม้
ที่นี่จะเป็นที่เลี้ยงกล้วยไม้
มีร้านอาหาร กาแฟสด และที่พักด้วย แต่เงียบมาก
เราเดินเข้าไปดูเรือนกล้วยไม้ด้านใน
มีกล้วยไม้เยอะมาก แต่เหมือนว่ายังไม่ค่อยมีดอกให้ดูเท่าไหร่
กล้วยไม้ และไม้อื่นๆ
จากลันดาออคิด ก็ย้อนกลับมาทางเดิม เพื่อไปแวะทานข้าวกลางวันกันที่บ้านหอมเทียน เป็นแนวโบราณ ซึ่งร้านจะตกแต่งด้วยของโบราณๆ เก่าๆ สมัยแฟนฉัน(ตอนเราเด็กๆ) บ้านหอมเทียน ก็หอมเทียนสมชื่อ เพราะที่นี่จำหน่ายเทียน ร้านตกแต่งเก๋ดี เป็นที่เที่ยวอีกที่ที่น่าไปแวะเวลาไปสวนผึ้ง มีมุมให้ถ่ายรูปเล่นเยอะดี ข้าวที่ทานจะใส่ปิ่นโตมา นึกถึงเวลาไปทานข้าวที่วัด ไว้จะมารีวิวบ้านหอมเทียนอย่างละเอียดอีกครั้งค่ะ
หลังจากทานข้าวกลางวันเสร็จก็เดินทางต่อ เมฆสวยดี ลอยอยู่ในระดับเดียวกัน
แถวนี้ยังเป็นธรรมชาติอยู่มาก
ก่อนกลับกรุงเทพฯ ก็แวะร้านตุ๊กตาแถวโพธาราม มีตุ๊กตาขายเยอะมาก แต่ดูราคาแล้วก็ไม่ดึงดูดให้ซื้อเท่าไร ไม่รู้ว่าราคาถูกหรือเปล่า ไม่ได้ซื้อตุ๊กตานานแล้ว มีตุ๊กตาแกะคล้ายๆ ที่อยู่บนเตียงของ Swiss Valley ขายด้วย
มีเยอะมาก ต้องลองเดินดู
จบแล้วค่ะสำหรับการไปสวนผึ้งครั้งนี้ ประทับใจ ^_^ ไว้มีโอกาสจะไปใหม่
ชมตอนที่ผ่านมาจาก Link ด้านล่างนะคะ
Trip ต่อไปจะพาไปเที่ยวที่สมุยกันนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชม Blog ของ bombik ค่ะ