จากตอนที่แล้ว ไปเลี้ยงแกะที่ Swiss Valley Hip Resort สวนผึ้ง ราชบุรี(2) พาชมห้องพักกันไปแล้ว ตอนนี้จะพาไปทำกิจกรรมต่างๆ ในรีสอร์ทและชมวิวยามค่ำคืนกันค่ะ ใน Post รูปเยอะ โหลดช้าก็ต้องขออภัยนะคะ
หลังจากที่เข้าห้องพักและพักเหนื่อยกันเรียบร้อยแล้ว ช่วงบ่ายเ็ป็นช่วงพักผ่อนตามอัธยาศัย พอดีตอน Check in ลืมขาตั้งกล้องไว้ที่นั่น ก็เลยโทรสอบถาม ได้ความว่าพนักงานเก็บไว้ให้และขับรถเอามาให้ถึงที่พัก
พนักงานเห็นพวกเรากำลังจะออกไปเดินเล่นรอบๆ รีสอร์ท ก็อาสาที่จะขับรถพาไปทำกิจกรรมและพาเที่ยวรอบๆ รีสอร์ท ในรีสอร์ทก็สามารถเดินได้ และมีจักรยานให้บริการฟรี แต่ด้วยอากาศที่ร้อน บางจุดก็ไกล และมีผู้ใหญ่ไปด้วย นั่งรถกอล์ฟก็สบายกว่า กิจกรรมทุกอย่างในรีสอร์ทฟรีค่ะ
จุดแรกที่เราไป คือ ไปถ่ายรูปที่บริเวณนาฬิกาด้านหน้า ตอนนั้นบ่ายสามกว่าๆ แดดร้อนมาก แต่ทุกคนก็ไม่หวั่น
มีแกะกินหญ้าอยู่แถวนั้นด้วย แกะจะขึ้นมาในส่วนด้านบนตอนสี่โมง เราไปถ่ายรูปแถวนั้น พนักงานก็เลยขับรถไปเอาใบปอมาให้เลี้ยงแกะ
นอกจากจะเป็นที่เลี้ยงแกะแล้ว ตรงนี้ก็ยังเป็นที่เลี้ยงม้าด้วย ถ้าใครอยากขี่ม้าจะมีบริการให้ขี่ม้าด้วย ซึ่งอยู่ด้านบน
คนเลี้ยงม้ากับเลี้ยงแกะ เครื่องแบบเท่ไม่เบา
พอพนักงานเอาใบปอมาให้ แกะวิ่งกรูกันมาเลย พนักงานต้องวางกิ่งใบปอไว้บนหลังคารถ ไม่อย่างนั้นแกะจะปีนรถขึ้นไปกิน พอหยิบกิ่งใบปอยื่นไปให้เท่านั้นแหละ แกะทั้งหลายก็พากันมารุมล้อม แย่งกันกินใบปอ กระโดดขี่หลังกัน -"- เพิ่งรู้ว่าแกะกระโดดเก่งมาก >_< เวลาให้แกะกิน ระวังนะคะ ระวังโดนแกะเหยียบเท้า ในภาพข้างล่างนี้เหลือแต่ก้านแล้ว ตัวนี้ยังเล็มกินก้านอ่อนๆ
พอใบปอหมด ก็เดินไปกินหญ้ากันตามปกติ
พอ 4 โมงเย็น แกะจะรู้เวลา พากันวิ่งขึ้นไปด้านบน เหมือนจะรู้ว่าต้องไปโชว์ตัวด้านบนกันแล้ว
จุดต่อมาเราไปถ่ายรูปกันที่ต้นไม้ใหญ่ ด้านตรงข้าม อยู่ใกล้ๆ กับสวนองุ่น เป็นต้นไม้ที่มีชิงช้าแขวนอยู่ 4 อัน ไปถ่ายรูปกันอยู่ตรงนั้นแป๊บนึง ก็ออกเดินทางต่อ
พนักงานขับรถไปแวะที่ Reception เพื่อไปเอาถุงกอล์ฟ กระติกน้ำดื่มและผ้าเย็นติดรถมาบริการด้วย ประทับใจกับ Service ของพนักงานจริงๆ
จุดต่อมาเรามายิงธนูกัน ต้องใส่ปลอกแขนด้วยไม่เช่นนั้นสายธนูจะดีดเป็นรอยช้ำ ด้านที่ง้างลูกธนูก็ต้องใส่ปลอกนิ้ว ถนัดมือไหนก็ดึงลูกธนูด้านนั้น ตรงนี้ก็อันตรายมาก ต้องอยู่ด้านหลังคนที่จะยิงเท่านั้น และห้ามไปยืนถ่ายรูปด้านหลังแถวๆ นั้นเด็ดขาด เพราะอันตราย ขนาดไม้ที่แข็งๆ ธนูยังปักลงไปได้ ถ้าเป็นเนื้อคนไม่อยากจะคิด >_< ตอนยิงก็ยิงถูกเป้าเหมือนกันนะ เล็งเป้านึง แต่ลูกธนูไปเข้าอีกเป้านึง =.=
ออกจากจุดยิงธนูเราจะไปไดร์ฟกอล์ฟกันต่อ
ป้ายทางเข้ารีสอร์ทอีกด้าน
ภาพมุมกว้างสักรูป วันนี้ฟ้าเป็นใจมาก
ทางที่เราจะไปไดร์ฟกอล์ฟ จะผ่านสะพานนี้ เก๋ดี เลยต้องแวะถ่ายรูปสักหน่อย ไม่รู้เรียกสะพานอะไร ขอเรียกสะพานแห่งความรักแล้วกัน เป็นสะพานข้ามแม่น้ำ(จริงๆ ก็คือคลองเล็กๆ ด้านล่าง)
ด้านข้างของสะพานจะมีที่ให้นำกุญแจคู่รักมาแขวนไว้ กุญแจจะมีไว้ให้ห้องละ 1 คู่ จะวางไว้ให้บนเตียง ด้านหลังที่เห็นมีการก่อสร้าง เป็นการสร้างที่พักแบบ Pool Villa จะเปิดให้เข้าพักได้ในเดือนพฤศจิกายน
คนที่นำกุญแจมาก็จะเขียนชื่อไว้บนตัวแม่กุญแจ และนำมาคล้องกันไว้ที่นี่ จากนั้นก็นำลูกกุญแจโยนทิ้งลงในแม่น้ำ เหมือนกับว่าเราจะไม่พรากจากกัน จะรักกันตลอดไป เหมือนแม่กุญแจที่คล้องกันอยู่ ประมาณนั้น คล้ายๆ การคล้องกุญแจคู่รัก ที่ตึกโซลทาวน์เวอร์ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ หรือ ที่ทางขึ้นวัดเทพเจ้ามังกร ที่จีนก็จะมีการคล้องกุญแจแบบนี้ เพราะเชื่อว่าจะทำให้รักกันตลอดไป หรือ ที่สะพาน Hohenzollern Bridge ที่ เมือง Cologne ประเทศ Germany และอีกหลายๆ ที่ในโลก
จากสะพานแห่งความรัก ก็มาถึงชื่อของรีสอร์ทตัวโต เป็นมุมถ่ายรูปอีกมุม
มองไปด้านบนจะเป็นที่พักแบบ Luxury Suite Pavilion เป็นห้องพักที่แพงที่สุดในรีสอร์ท หลังนี้คาดว่าวิวคงสวยมาก
มุมนั่งเล่น ถ่ายรูปอีกมุม
บ้านหลังที่อยู่ซ้ายมือสุดคือบ้านแบบ Valley Pavilion มี 2 ห้องนอน อยู่ตรงหน้าสระว่ายน้ำพอดี
มาถึงที่ไดร์ฟกอล์ฟแล้ว บรรยากาศและวิวดีมากๆ
ตีไม่เป็น ตีไม่ลง ก็ขอสนุกไว้ก่อน แต่ถ่ายรูปแป๊บเดียวก็ขอไปนั่งพักร่มๆ ดีกว่า ไม่ไหวร้อนมาก
วิวด้านหน้าเป็นเทือกเขาเขียวฉอุ่ม มาหน้าฝนก็ดีอย่าง รอบๆ จะดูเขียวสวยไปหมด
มานั่งหลบแดดอยู่ใต้ต้นไม้เล็กๆ เลยนั่งถ่ายรูปวิวรอบๆ
มองกลับไปก็เห็นบ้านพักต่างๆ ในรีสอร์ท
บ่อที่เห็นคือบ่อปลาคราฟและหงส์ดำ ไปให้อาหารและถ่ายรูปได้ แต่วันนี้ยังไม่ได้ไป เนื่องจากมีการก่อสร้างเล็กน้อยอยู่บริเวณนั้น
ตรงนี้มีลานจอดเฮลิคอปเตอร์ด้วย เผื่อใครจะนั่งฮอล์มา
กำลังมีการทำทางขึ้นจากตรงนี้
ทำกิจกรรมจนเกือบเย็น ส่วนใหญ่จะเน้นถ่ายรูปกัน เพราะมีมุมให้ถ่ายรูปเยอะมาก เย็นแล้วก็กลับมาอาบน้ำและเตรียมทำกิจกรรมในตอนกลางคืน คืนนี้เป็น Cowboy Night ต้องแต่งตัวสไตล์คาวบอย เดินกลับมาฟ้าเริ่มครึ้มๆ
แล้วเราก็ได้เห็นรุ้งด้วย ^_^
มาเดินเล่นแถวๆ ห้องอาหารเพื่อรอเวลา ด้านล่างมองลงไปจะเป็นบ้านกระต่าย
ถัดมาจะเป็นสระว่ายน้ำ สระว่ายน้ำน่าเล่นมาก เตรียมชุดว่ายน้ำไปด้วย แต่ไม่ได้ลงเพราะไม่มีเวลา
มื้อเย็นเราจะทานข้าวกันที่นี่ บรรยากาศดีมากๆ
ด้านข้างจะมีต้นองุ่น แต่ลูกที่เห็นในภาพของปลอมนะ ของจริงยังไม่ออก เทศกาลองุ่นของที่นี่จะเริ่มประมาณเดือนตุลาคมค่ะ
ช้อน
พนักงานกำลังเตรียมพร้อมและฟังผู้จัดการอยู่
เริ่มจะมืดแล้วค่ะ มาถ่ายรูปรอบๆ ก่อน
กลางคืนก็สวยไปอีกแบบ
บรรยากาศยามค่ำคืน
กลางคืนนี้เรามีกิจกรรมหลายอย่างที่ทำร่วมกัน สร้างสรรค์สิ่งดีดี มีทั้งสนุกสนานและซาบซึ้ง เป็นกิจกรรมดีดี กับบรรยากาศดีดี กลางคืนอากาศที่นี่เย็นสบายมาก แม้จะเป็นหน้าร้อน ถ้ามาหน้าหนาวคงได้บรรยากาศมากกว่านี้
ที่นี่ตอนกลางวันสวย ตอนกลางคืนก็ยิ่งสวย ขนาดถ่ายจากกล้องเรา ซึ่งเป็นกล้องคอมแพคธรรมดาๆ ยังเห็นความสวย
ทางเดินในรีสอร์ท ไม่ต้องกลัวมืดเพราะมีไฟตลอดทาง เดินเล่นได้ชิวๆ
บรรยากาศรอบๆ ยามค่ำคืน
ทางเข้าส่วนที่พัก เห็นบ้านที่เราพักอยู่ลิบๆ
ที่นี่เงียบสงบ บรรยากาศดี เหมาะกับการมาพักผ่อนมาก
ด้านหน้าตอนกลางคืน
กุหลาบยามค่ำคืน
หลังจากทำกิจกรรมเสร็จ ก็เดินเที่ยวกันต่อในรีสอร์ท
แวะไปถ่ายรูปเล่นกันที่ดาดฟ้าของบ้าน S.7 ซึ่งเป็นบ้านพักของพี่ๆ ถ่ายมายัง S.4 ที่พักของเรา
ถ้าจำไม่ผิดในภาพน่าจะเป็นดาดฟ้าของบ้าน S.6 ถ้ามากับกลุ่มเพื่อนฝูง ตอนกลางคืนมีปาร์ตี้บาร์บีร์คิวกันบนดาดฟ้า ก็น่าจะสนุกดี ถ้ามากับครอบครัว คู่รัก ก็มานั่งคุย หรือนอนดูดาวรับอากาศเย็นๆ คิดแล้วอยากไปอีก ^_^
หลังคาบ้าน S.8 สวยดี
กลับมาที่ห้องที่เราพักบ้าง ห้องนี้จะเป็นระเบียง ภาพนี้มองจากระเบียงเข้ามายังห้องนอน
บรรยากาศและวิวที่ระเบียง โรแมนติกมาก
หมดไปอีก 1 วัน เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พรุ่งนี้ยังพอมีเวลาทำกิจกรรมอีกนิดหน่อย เราจะไปเก็บตก กิจกรรมที่เรายังไม่ได้ทำในวันพรุ่งนี้ค่ะ และจะมีภาพห้องพักห้องอื่นๆ ให้ชมนิดหน่อยค่ะ
ไปเที่ยวกันต่อตอนที่ 4 เลยค่ะ >> ไปเลี้ยงแกะที่ Swiss Valley Hip Resort สวนผึ้ง ราชบุรี(4)
ไปเลี้ยงแกะที่ Swiss Valley Hip Resort สวนผึ้ง ราชบุรี ตอนอื่นๆ
ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชม Blog ของ bombik ค่ะ