ไปเลี้ยงแกะที่ Swiss Valley Hip Resort สวนผึ้ง ราชบุรี(1)

ไปสัมมนาที่อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรีกับที่ทำงาน เมื่อช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา เป็นสถานที่ที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ และใช้เวลาในการเดินทางไม่มากนักเพราะมีเวลาแค่ 2 วัน 1 คืน เราพักกันที่ Swiss Valley Hip Resort ซึ่งเป็นรีสอร์ทที่เพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่กี่เดือน บรรยากาศและวิวดีมากๆ บ้านพักก็สวยทุกหลัง บ้านพักที่นี่มีทั้งหมด 11 หลัง จองไว้ 10 หลัง ซึ่งวันนั้นทั้งรีสอร์ทแทบจะมีแต่พวกเรา ^_^ กิจกรรมในครั้งนี้ Concept หลักคือ การร่วมกันสร้างความตระหนักในการรู้รักษ์สิ่งแวดล้อม

ก่อนหน้านี้ฝนตกทุกวัน แทบจะไม่มีแดดเลย วันเดินทางตื่นมาตั้งแต่ตีห้าครึ่ง สิ่งแรกที่ทำคือ เดินออกมาเปิดประตู ดูว่าพระอาทิตย์ขึ้นหรือยัง เห็นแสงพระอาทิตย์แบบนี้แล้วดีใจมาก ท้องฟ้าโปร่งไม่มีเมฆ จะได้ถ่ายรูปสวยๆ เพราะงานนี้ได้รับมอบหมาย ให้ถ่ายรูปเก็บรายละเอียดในแต่ละที่ที่ไป ซึ่งเป็นงานที่ชอบเลย ^_^

20 กว่าชีวิตเดินทางโดยรถคันนี้ ซึ่งโปรแกรมการเดินทางของเราในครั้งนี้คือ

วันแรก
7.00 น. ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ
8.30 น. นมัสการองค์พระปฐมเจดีย์
9.00 น. เรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ ที่พระราชวังสนามจันทร์
10.00 น. เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ตุ๊กตาผ้าจากใยสังเคราะห์
10.30 น. เยี่ยมชมโรงโอ่งรัตนโกสินทร์
11.30 น. แหล่งทอผ้าบ้านไร่ ชมการผลิตและเลือกซื้อ
12.30 น. รับประทานอาหารกลางวันที่ครัวกระเหรี่ยง
14.00 น. ถึงที่พัก พักผ่อนทำกิจกรรม ขี่ม้า ยิงธนู ไดร์ฟกอล์ฟ เลี้ยงแกะ เลี้ยงปลา เลี้ยงหงส์ โยนลูกกุญแจ อบตัวซาวน่า ถ่ายภาพ ชมวิวทิวทัศน์
18.30 น. Cowboy Night รับประทานอาหารและทำกิจกรรมร่วมกัน

วันที่สอง
7.00 น. รับประทานอาหารเช้า
10.45 น. Check Out
11.00 น. ธารน้ำร้อนบ่อคลึง และ ชมกล้วยไม้ที่ลันดาออคิด
11.45 น. ชมการผลิตเทียนและรับประทานข้าวกลางวันที่บ้านหอมเทียน
13.45 น. เดินทางกลับกรุงเทพฯ
 

อาหารเช้าบนรถ ได้รับความอนุเคราะห์จากพี่ๆ นอกจากนี้ก็ยังมีน้ำพริกต่างๆ มาช่วยเพิ่มรสชาติ วันนั้นน้ำพริกปลาร้าอร่อยมาก

ตามแพลนต้องแวะที่พระปฐมเจดีย์ด้วย แต่ไม่ได้แวะ ที่แรกที่เราไปคือพระราชวังสนามจันทร์ เป็นพระราชวังที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับเมื่อมานมัสการองค์พระปฐมเจดีย์และในยามที่บ้านเมืองเกิดวิกฤต ซึ่งพระราชวังสนามจันทร์อยู่ไม่ไกลจากพระปฐมเจดีย์

ที่นี่จะมีเจ้าพาคณะนำชมและบรรยายเกี่ยวกับพระราชวัง ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่นำชมบรรยายได้ดีมากๆ ในภาพคือ สะพานข้ามคูน้ำที่เชื่อมพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์กับพระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์

ในปัจจุบันพระราชวังสนามจันทร์อยู่ในความดูแลของสำนักพระราชวัง ซึ่งได้มีการปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบให้ดูสวยงาม และมีการบูรณะซ่อมแซมในส่วนต่างๆ เมื่อปี 2547

เจ้าหน้าที่พาเข้าไปชมพระที่นั่งพิมานปฐมก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งพระที่นั่งนี้ใช้เป็นที่ประทับ เป็นที่รับรองพระราชอาคันตุกะ ที่ทรงพระอักษร เสด็จออกขุนนางและให้ราษฎรเข้าเฝ้า

พระที่นั่งพิมานปฐม เป็นพระที่นั่งแรกของพระราชวังสนามจันทร์ เป็นอาคารแบบตะวันตก มี 2 ชั้นก่อสร้างด้วยปูน ก่อนที่พระที่นั่งจะมาอยู่ในความดูแลของสำนักพระราชวัง เคยอยู่ในความดูแลของกระทรวงมหาดไทยมาก่อน ซึ่งใช้เป็นศาลากลางจังหวัดนครปฐม ข้าวของเครื่องใช้ในสมัยก่อนก็มีสูญหายและพังไปตามกาลเวลา จนสำนักพระราชวังมาบูรณะซ่อมแซมและเปิดให้เข้าชม ด้านในก็จะจัดแสดงห้องต่างๆ และเครื่องใช้ในสมัยนั้น ซึ่งจะไม่มีภาพในอาคารนะคะ เพราะว่าห้ามถ่ายรูป

ลานด้านหน้าของพระที่นั่งพิมานปฐม จะเป็นเทวาลัยคเณศร์ เป็นที่ประดิษฐานพระพิฆเนศ ซึ่งรัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สร้างไว้ในที่ที่เป็นศูนย์กลางของพระราชวังสนามจันทร์ ไว้บวงสรวงและเพื่อความเป็นศิริมงคล ด้านหลังจะเห็นยอดของพระปฐมเจดีย์ เจ้าหน้าที่พานำชมจนมาถึงห้องพระบนพระที่นั่งพิมานปฐม ก็ได้ไหว้พระในห้องนั้น และเมื่อหันหลังกลับมองผ่านหน้าต่างออกไป จะเห็นว่าห้องพระบนพระที่นั่งพิมานปฐม เทวาลัยคเณศร์และองค์พระปฐมเจดีย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามอยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกัน

เมื่อชมพระที่นั่งพิมานปฐมเสร็จ ก็เดินต่อมายังพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ ด้านในพระราชวังจะมีทั้งต้นไม้ที่ปลูกขึ้นเพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์และต้นไม้เก่าแก่ที่มีอายุนับร้อยๆ ปี

พระที่นั่งชาลีมงคลอาสน์ ลักษณะคล้ายปราสาท ซึ่งเป็นศิลปะที่ผสมผสานระหว่างเรอเนซองส์ของฝรั่งเศส และอาคารแบบฮาล์ฟทิมเบอร์ของอังกฤษ

ด้านหน้าจะมีอนุเสาวรีย์ ย่าเหล ซึ่งเป็นสุนัขพันธุ์ทางขนปุย เป็นสุนัขที่ทรงโปรดของรัชกาลที่ 6 ซึ่งได้รับการน้อมเกล้าถวายจากเรือนจำจังหวัดนครปฐม เป็นสุนัขที่ฉลาดและแสนรู้มาก จึงเป็นที่โปรดปราน ทำให้สร้างความอิจฉาริษยาในหมู่ข้าราชบริพาร ซึ่ง ย่าเหล ตายเนื่องจากถูกยิง มีคนไปพบศพนอนตายอยู่ข้างกำแพงพระราชวัง ทำให้รัชกาลที่ 6 ทรงโทมนัสเป็นอย่างยิ่ง จึงจัดงานศพให้ย่าเหล และสร้างอนุเสาวรีย์ไว้ที่หน้าพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์

ด้านในพระราชวังสนามจันทร์ ร่มรื่นมาก ในตอนเช้าและตอนเย็น จะมีประชาชนมาเดินวิ่งออกกำลังกายกันที่นี่

เราเข้าไปในพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์และเดินบนสะพานข้ามคูน้ำ ไปยังพระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์ ที่อยู่ด้านหลัง ภายในพระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์ ก็จะจัดแสดงรูปถ่ายในสมัยรัชกาลที่ 6 และเครื่องฉลองพระองค์

สะพานที่ทอดยาวข้ามคูน้ำ ด้านบนจะเป็นหลังคามุงกระเบื้อง และด้านข้างมีหน้าต่างสองข้างตลอดแนว

สวยงามมาก

อีกมุมนึง

ภาพมุมกว้าง

ต่อจากพระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์ เราก็มาในส่วนของเรือนไทยซึ่งอยู่ด้านข้าง ซึ่งก็คือพระตำหนักทับขวัญ

พระตำหนักทับขวัญ จะเป็นเรือนไทยภาคกลาง ที่สมบูรณ์แบบ เจ้าหน้าที่พาขึ้นไปด้านบน และอธิบายข้อมูลเกี่ยวกับเรือนไทยในแต่ละส่วน ซึ่งด้านบนจะมีต้นจันอยู่ 1 ต้น พระตำหนักนี้รัชกาลที่ 6 ได้ประทับเพียงคืนเดียวคือคืนขึ้นบ้านใหม่ จากนั้นทรงพระราชทานให้เป็นที่ตั้งกองบัญชาการเสือป่า

คูน้ำด้านหน้า

ในขณะที่เราเดินชมพระราชวัง ก็พบกับกลุ่มนักเรียนทั้งจากในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดซึ่งมาศึกษานอกสถานที่ ซึ่งที่นี่ก็มีความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ในสมัยรัชกาลที่ 6 ที่น่าศึกษาเรียนรู้

ด้านหน้าจะมีรถกอล์ฟให้บริการ สำหรับผู้ที่เดินชมเองไม่ไหว

ใช้เวลาเดินชมประมาณชั่งโมงเศษ ก็ต้องออกเดินทางไปยังที่หมายต่อไป

คณะนี้น่าจะเป็นเด็กประถมต้นหรืออนุบาล ที่คุณครูพามาชม น่ารักมาก ^_^

แผนที่และเวลาเปิดให้เข้าชม เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 9.00 - 16.00 น. ปิดขายบัตรเวลา 15.30 น. อัตราค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 10 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาท

ประตูที่เห็นด้านหน้าที่ไหลออกไป คือป้ายของมหาวิทยาลัยศิลปากรซึ่งอยู่ติดกัน

จากพระราชวังสนามจันทร์ จ.นครปฐม เราออกเดินทางไปยังโรงโอ่งรัตนโกสินทร์ เป็นโรงงานจำหน่ายและส่งออก เครื่องปั้นดินเผา เซรามิค โอ่งมังกร เครื่องเบญจรงค์ ในจังหวัดราชบุรี

เข้ามาก็จะเห็นผลิตภัณฑ์วางเรียงราย

ด้านนอกโรงงานก็จะเป็นที่จัดโชว์สินค้าและจำหน่ายสินค้า

กบน่ารักดี

ด้านหน้าโรงโอ่งมีจำหน่ายน้ำอัดลมโบราณ

ที่นั่งทานเครื่องดื่ม สวยมาก เป็นที่นั่งและโชว์สินค้าไปด้วยในตัว เราได้เข้าไปชมขั้นตอนในการผลิตโอ่งด้านใน ซึ่งที่นี่ถือว่าที่นี่เป็นโรงงานที่ใหญ่ แบ่งเป็นแผนกการทำแต่ละอย่าง ไปยืนดูเขาขึ้นรูปโอ่ง แป๊บเดียวได้ 1 ใบ การขึ้นลายมังกร การเตรียมดิน การเผา ฯลฯ ด้านในห้ามถ่ายรูปเลยไม่มีรูปมาให้ดูค่ะ

หลังจากที่เข้าไปดูขั้นตอนการทำแล้ว ก็มาที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์และของที่ระลึก

ตุ๊กตาน่ารักมาก

ดูร่าเริงสดใสมีชีวิตชีวา

ตัวนึงก็เป็นหลักร้อย

ตัวนี้โหนชิงช้าก็น่ารักดี

ตุ๊กตาเด็กคู่ ตัวละ 350 บาท

ตุ๊กตาในอิริยาบถต่างๆ น่ารักมากๆ ตัวละ 250 บาท

ทำหน้าตาตุ๊กตาได้อารมณ์และมีความสุขมาก

ตุ๊กตานอนก็น่ารัก

โอ่งที่ระลึก

เซรามิคที่นำไปใช้แต่งบ้านแต่งสวน

ชุดโต๊ะเก้าอี้ในสวน สวยเก๋ดี และบ่อไม้น้ำ

ด้านนี้จะเป็นพวกโอ่งมังกร กับอ่างบัว

จากโรงโอ่งราชบุรี เราเดินทางมาต่อกันที่องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านไร่ เพื่อมาดูการสาธิตการทอผ้าและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ผ้าทอและผ้าขาวม้าบ้านไร่ ซึ่งเป็นของดีของจังหวัดราชบุรี

ผลิตภัณฑ์จักสาน

เครื่องทอผ้า

ด้ายที่ย้อมสีแล้ว

ที่นี่จะมีการสาธิตการทอผ้าให้ดูด้วย เมื่อทอเสร็จก็นำออกขายที่นี่ เรียกว่าซื้อกันจากแหล่งผลิตเลยทีเดียว

ผ้าที่ขึ้นชื่อของที่นี่คือ ผ้าขาวม้า ผ้าถุง ผ้าลายมัดหมี่และผ้าลายน้ำไหล นอกจากนี้ก็ยังมีพวกเครื่องจักสานและเสื้อถักด้วย

ตัวอย่างผ้าทอ

ใช้เวลาในช่วงเช้านานจน เกินเวลาอาหารกลางวัน จะรอให้ถึงครัวกระเหรี่ยงและทานข้าวคงอีกนานเป็นชั่วโมง เลยแวะทานข้าวกันที่ BigC ราชบุรี >_< เพื่อเอาแรงก่อน

มื้อกลางวันนี้เลยทาน เกาเหลาเนื้อตุ๋น+ข้าวเปล่า อร่อยดีแถมไม่แพงด้วย ห้างในกรุงเืทพฯ ถูกแบบนี้บ้างก็ดี เกาเหลาชามนี้ 35 บาทเอง ในกรุงเทพฯ 50 บาทแน่ะ

จากมื้อกลางวันก็เดินทางต่อมาที่อำเภอสวนผึ้ง ระหว่างทาง สองข้างทางเขียวชอุ่ม เป็นถนนลาดยางสองเลนรถวิ่งสวนทาง มีรถไม่เยอะ อาจจะเป็นเพราะเราไปช่วงวันธรรมดาที่เป็นช่วงหยุดของเรา แต่คนอื่นไม่ได้หยุด พอมาถึงตรงนี้ แยกทางซ้ายมีป้ายบอกทางเยอะมาก Swiss Valley Hip Resort ที่เราจะไปพักเลี้ยวซ้ายเข้าทางนี้ ไปทางเดียวกับ Scenery แต่ถึงก่อน 300 เมตร ส่วน La Toscana ที่เป็นที่พักยอดฮิตอีกที่หนึ่งจะต้องขับตรงไป

ถึงแล้ว Swiss Valley จะอยู่ทางขวามือ ว้าว..หญ้าเขียวๆ กับฟ้าใสๆ ตื่นเต้น

ได้รับการทักทายจากพนักงาน รปภ ด้านหน้าทางเข้าของรีสอร์ท แต่งชุดสีม่วงเท่ไม่เบา แจ้งว่าต้องติดต่อประสานงานกับทางด้านในก่อน ที่นี่จะไม่ให้แขกที่ไม่ได้จองห้องพักไว้ เข้าไปด้านในเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้เข้าพักในรีสอร์ท รปภ แจ้งว่ารถใหญ่จะเข้าไปไม่ถึง แต่จะมีรถกอล์ฟมารับเพื่อพาเข้าไปด้านใน

แขกที่ไม่ได้มาเข้าพัก สามารถยินถ่ายรูปได้เฉพาะด้านหน้า และในภาพที่เห็นคือร้านอาหารของทางรีสอร์ท ที่เปิดให้คนภายนอกได้เข้ามารับประทานได้ ด้านข้างจะมีร้านขายของที่ระลึก ซึ่งข้างในมีมุมถ่ายรูปน่ารักๆ ด้วย เดี๋ยวตอนหน้าจะพามาชมนะคะ

แค่ลงรถมาสัมผัสกับอากาศด้านล่าง ก็รู้สึกได้เลยว่าอากาศบริสุทธิ์มาก และวิวที่นี่สุดยอดจริงๆ ตอนหน้าจะพาไปชมด้านในของรีสอร์ท และบ้านพักน่ารักๆ ที่เราพักค่ะ สวยจริงๆ

ตามไปชมตอนที่ 2 กันเลยค่ะ >> ไปเลี้ยงแกะที่ Swiss Valley Hip Resort สวนผึ้ง ราชบุรี(2)

ไปเลี้ยงแกะที่ Swiss Valley Hip Resort สวนผึ้ง ราชบุรี ตอนอื่นๆ

ขอบคุณที่มาเยี่ยมชม Blog ของ bombik ค่ะ

4 comments on "ไปเลี้ยงแกะที่ Swiss Valley Hip Resort สวนผึ้ง ราชบุรี(1)"

kong's picture
kong (visitor) said on Wed, 07/28/2010 - 21:13:

กล้องใหม่ รูปสีสันสดใสขึ้นเยอะจริงๆ :)

bombik's picture
bombik said on Wed, 07/28/2010 - 22:02:

ซื้อกล้องใหม่เลยจิ จะได้สดใสๆ เหมือนกัน
ของใหม่ก็ดีกว่าของเก่าอยู่แล้ว แต่ก็ยังเสียดายอันเก่าอยู่
เพราะถ่ายกลางคืนชอบอันเก่ามากกว่า

ArtKung©'s picture
ArtKung© (visitor) said on Thu, 07/29/2010 - 14:41:

เมียอยากได้กล้องคอมแพค มี รุ่นไหน แนะนำป่ะ

bombik's picture
bombik said on Fri, 07/30/2010 - 14:57:

ถ้าให้เราแนะนำก็คงต้องเป็น Sony ถ้าชอบอึดๆ กันกระแทก กันน้ำ ถ่ายพาโนรามาได้ง่ายๆ และก็ตัวเล็ก บาง พกพาสะดวก ก็รุ่นที่เราใช้ TX5 ไม่ใช่รุ่นใหม่แต่ก็ OK อยู่ ส่วนถ่ายแล้วภาพเป็นยังไงก็ดูใน Blog นี้ก็ได้ที่โพสหลังจากกล้องตัวเก่าพัง ถ้า series สูงกว่านี้ก็ W เวลาซูมมันจะยื่นออกมาได้หน่อยนึง

หรือถ้าชอบแบบฟังก์ชั่นเยอะๆ ซูมได้ระดับเทพ แต่ตัวมันจะใหญ่หน่อยก็ Fuji HS10

Powered by Drupal, an open source content management system

Copyright © 2009 bombik - Theme ported to Drupal by kong
CSS Templates by Inf Design - Valid XHTML & CSS