พาเที่ยวญี่ปุ่น : วัดอาซากุสะ วัดที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียว

จากที่เล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่นไป 2 ตอน คือ

เราจะเริ่มพาเที่ยวญี่ปุ่นตามโปรแกรมที่เราได้ไปมาค่ะ ซึ่งการไปครั้งนี้ใช้บริการบริษัททัวร์ ในการวางแผนการเดินทางเป็นเวลา 4 วัน 3 คืน โปรแกรมการเดินทางก็จะคล้ายๆ กับโปรแกรมทัวร์ญี่ปุ่นที่เห็นกันทั่วๆ ไป มีต่างกันนิดหน่อยตรงที่ เรามีโปรแกรมการศึกษาดูงานด้วย

เดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ 22.10 น. ถึงญี่ปุ่น 6 โมงเช้า
โปรแกรมวันแรก วัดอาซากุสะ ถนนนาคามิเซะ ล่องเรือที่ทะเลสาปอาชิ หุบเขาโอวาคุดานิ(ชิมไข่ดำ) ที่พักอยู่ริมทะเลสาปคาวาคูจิโกะ มองเห็นวิวฟูจิซัง อาหารเย็นบุฟเฟต์ขาปูยักษ์ ที่พักมีออนเซ็น
โปรแกรมวันที่สอง ไปฟูจิซัง ขึ้นไปบนฟูจิสถานีที่ 5 หมู่บ้าน Osino Hakkai ขึ้นรถไฟชินคันเซ็นจากโยโกฮาม่ามาโตเกียว เดินเที่ยวย่านชินจูกุ พักในโตเกียว
โปรแกรมวันที่สาม ศึกษาดูงาน ณ ที่แห่งหนึ่ง พิพิธภัณฑ์ิวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม พิพิธภัณฑ์ Miraikan พักที่นาริตะ
โปรแกรมวันที่สี่ วัดนาริตะ ห้างอิออน ห้าโมงเย็นบินกลับกรุงเทพฯ

Post นี้จะเริ่มจากสนามบินสุวรรณภูมิ พาบินข้ามเวลาไปญี่ปุ่น เริ่มด้วยพาไปไหว้พระวัดอาซากุสะ วัดที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียว ต่อด้วยเดินเล่นที่ถนนนาคามิเซะกันค่ะ ^_^

Check in ที่สุวรรณภูมิตอนสองทุ่ม เครื่องขึ้น 20.10 น. เดินทางโดยเครื่องของการบินไทย

การเดินทางใช้เวลา 6 ชั่วโมง ถ้าเป็นเวลาบ้านเราก็ถึงญี่ปุ่นประมาณตี 4 แต่เนื่องจากเราข้ามเวลาไป 2 ชั่วโมง ที่ญี่ปุ่นจะเป็นเวลา 6 โมงเช้า เวลาหายไป 2 ชั่วโมง นั่งอยู่บนเครื่อง 6 ชั่วโมง เมื่อยกว่านั่งไปสมุยอีก >_< ตอนขาไปไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าว่า ที่มันแคบกว่าบนรถทัวร์ VIP อีก >_< ก่อนเครื่องลงประมาณชั่วโมงครึ่งแอร์จะมาเสิร์ฟอาหารเช้า ซึ่งตอนนั้นเป็นน่าจะเป็นเวลาประมาณตีสองกว่าๆ ของไทย อาหารมีให้เลือก 2 อย่างตามภาพ ทานอาหารเสร็จก็เริ่มเช้า วันนี้เช้าไวกว่าปกติ อุณภูมิด้านนอกติดลบ มีเกร็ดน้ำแข็งเกาะอยู่ที่กระจกด้วย เครื่องเริ่มลดระดับลง ถึงนาริตะเวลาประมาณ 6 โมงเช้าของญี่ปุ่น

เครื่องลำนี้แหละที่เราโดยสารกันมา ^_^ จากนั้นก็ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ไม่มีอะไรมากยื่นเอกสารไป เขาก็พลิกๆ ดูแล้วก็ Stamp แล้วก็ผ่าน ไม่มีถามอะไรเลย ตอนเช้าสนามบินเงียบมาก มีเต่ผู้โดยสารที่มาพร้อมกับเครื่องที่เรามาเท่านั้นเอง

ที่สนามบินก็เข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟัน(แต่เราล้างหน้าแปรงฟันก่อนลงจากเครื่อง) อยู่ในสนามบินไม่รู้อุณหภูมิด้านนอก เดินออกมาอากาศเย็นสบายสดชื่นมากๆ ออกมาขึ้นรถด้านนอก รถคันนี้มีแต่พวกเราเท่านั้น นั่งกันสบายๆ

ออกเดินทางจากนาริตะเข้าสู่โตเกียว เมื่อคืนไม่ได้นอนแต่ก็หลับไม่ลง นั่งดูวิวข้างทางเพลินๆ ข้างทางก็เป็นนาของญี่ปุ่น ก็เหมือนๆ บ้านเราแหละ แต่บางที่ก็จัดสรรพื้นที่ได้สุดยอด

เริ่มเข้ามาในเมืองก็จะเริ่มเห็นตึกสำนักงานหรือโรงงานต่างๆ ผ่าน Disney Resort ด้วย การเดินทางจากนาริตะมาโตเกียวครั้งนี้ใช้ทางด่วน สังเกตว่าเวลาผ่านทางด่วน จะเป็นการจ่ายเงินแบบอัตโนมัติ แค่ผ่านไปในช่อง ก็มีเสียงติ๊ดๆ แล้วพอผ่านมา ในรถก็จะมีพูดอะไรสักอย่างเป็นภาษาญี่ปุ่นฟังไม่ออก

เข้ามาสู่โตเกียวก็จะเห็นวิวแบบนี้ มีแต่ตึกเต็มไปหมด

เนื่องจากญี่ปุ่นมีลักษณะภูมิประเทศที่เป็นเกาะมีน้ำทะเลล้อมรอบ เข้าสู่โตเกียวก็จะเห็นวิวแบบนี้

 

มีสะพานข้ามแบบนี้เป็นช่วงๆ

เริ่มเข้าสู่เมืองโตเกียว ที่เห็นหอคอยที่กำลังสร้าง ว่ากันว่าจะเป็น Tokyo Tower2 ซึ่งสูงและใหญ่กว่าโตเกียวทาวน์เวอร์เดิม แต่ตอนนี้ยังสร้างไม่เสร็จ

วันแรกที่ไปถึงเป็นวันจันทร์ วันนั้นเป็นวันกีฬาแห่งชาติหรือวันที่เกี่ยวกับกีฬาอะไรทำนองนั้น ซึ่งเป็นวันหยุดของประเทศญี่ปุ่น เราข้ามสะพานมาอีกฝั่งเพื่อไปวัดอาซากุสะ

รถมาจอดส่งเราด้านข้างของวัด เพราะแถวนั้นไม่มีที่จอดต้องไปจอดรออีกที่หนึ่ง ซึ่งคนที่นี่เขาเคารพกฏจราจรกันดีมาก ตรงไหนจอดไม่ได้ห้ามจอด ก็ไม่มีใครจอด ดังนั้นตามริมถนนจะไม่เห็นมีรถมาจอดให้เกะกะขวางทางการจราจร เราเดินข้ามแยกตรงนี้ไปเพื่อไปเข้าด้านข้างของวัด ย่านนี้เรียกว่าย่านอาซากุสะ

 

วัดนี้จริงๆ ชื่อวัดเซ็นโซจิ แต่เป็นเพราะวัดตั้งอยู่ในย่านอาซากุสะ ก็เลยเรียกกันว่าวัดอาซากุสะ หรือเรียกว่าอาซากุสะคันนอน ซึ่งเป็นชื่อเรียกตามของเทพเจ้าคันนอนซึ่งเป็นเทวรูปศักดิ์สิทธิ์ในวัด ประตูทางเข้านี้เป็นประตูทางเข้าด้านข้างของวัด

เดินเข้ามาด้านขวามือก็จะเป็นศาลเจ้าอาซากุสะ ว่ากันว่าเป็นศาลเจ้าเก่าแก่ เมื่อครั้งที่มีสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นโดนทิ้งระเบิดอย่างหนัก แต่ศาลเจ้านี้กลับไม่ได้รับความเสียหายเลย

ด้านหน้าที่เห็นเป็นเจดีย์ห้าชั้นสวยดี

บริเวณนี้ก็จะเป็นวิหารที่ประดิษฐานองค์เจ้าแม่กวนอิมทองคำขนาดเล็กเพียง 5.5 เซ็นติเมตร ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ คนมักจะเดินทางมาขอพรเพื่อให้สมหวัง

เราเดินตรงเข้าไปด้านในเพื่อไปจุดธูปขอพรก่อน

ก่อนเข้าวัดตามธรรมเนียมญี่ปุ่นก็ต้องมีการชำระล้างร่างกายให้สะอาด โดยในวัดจะมีบ่อน้ำและมีกระบวยให้ตักน้ำชำระล้าง ส่วนใหญ่ก็จะล้างมือ แต่เห็นคนญี่ปุ่นบางคนก็ล้างหน้าและบ้วนปากด้วย =.= น้ำเย็นมาก..

เสร็จแล้วก็ไปซื้อธูปมาไหว้ จำไม่ได้แล้วว่าเท่าไหร่เป็นเงินค่าทำบุญ ธูปก็เหมือนธูปบ้านเราแต่เป็นสีเขียวๆ และสั้นกว่า มีหลายดอกห่อไว้ในกระดาษ ด้านหน้าก็จะมีที่ให้จุดธูปเป็นจุดๆ มีที่จุดหลายแบบ เราเลือกจุดตรงกระถางนี้เพราะที่จุดมันดูโบราณดี ^_^

จุดแล้วก็หันหน้าไปทางวิหารเพื่ออธิษฐานขอพรกับเจ้าแม่กวนอิมและเทพเจ้าคันนอน และก็ปักไว้ที่กระถางธูปที่อยู่ใกล้ๆ กัน ที่เห็นคนยืนๆ อยู่ เขากำลังโบกควันธูปเข้าหาตัว เพราะมีความเชื่อว่า เมื่อเราอธิษฐานขออะไรไป ก็ให้กวักหรือโบกควันธูปเข้าหาตนเอง เพื่อรับพรและเป็นศิริมงคล ใครที่ขอให้ร่ำรวยก็จะโบกควันธูปหรือโกยเข้ากระเป๋า เพื่อให้มีโชคลาภและร่ำรวย เรายืนโบกอยู่ตรงนั้นจนตัวมีแต่กลิ่นธูป แต่ไม่ได้กวักเข้ากระเป๋าอ่ะ พลาด >_< ด้านข้างก็จะมีร้านเครื่องรางของทางวัดจำหน่าย

จากนั้นก็เข้าไปนมัสการเจ้าแม่กวนอิม จุดเด่นของวัดนี้คือโคมแดงขนาดใหญ่ เท่าที่เห็นมีทั้งหมด 3 โคม

อันนี้เป็นโคมแดงหน้าวิหารเจ้าแม่กวนอิม โคมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดมีความสูงถึง 4.5 เมตร

ประตูทางเข้า

เจ้าแม่กวนอิมขนาดเล็กประดิษฐานอยู่ภายใน จะสังเกตว่าด้านหน้าจะมีกล่องที่มีฝาด้านบนเป็นซี่ๆ อยู่ด้านหน้า คนจะไปยืนไหว้อธิษฐานขอพรและโยนเหรียญลงไป แล้วปรบมือ 2 ครั้ง เชื่อว่าเป็นศิริมงคลกับตัวเอง เราว่าก็คล้ายๆ กับการบริจาคทรัพย์ในตู้ทำบุญของบ้านเรา พอบริจาคก็อธิษฐาน ด้านข้างจะมีเสี่ยงเซียมซีและมีเครื่องรางของทางวัดจำหน่าย

ภายในก็มีภาพวาดสวยๆ และก็การตกแต่งที่สวยงาม

หันกลับมาด้านหน้าของวิหาร ก็จะเป็นทางเข้าวัดทางด้านหน้า ซึ่งเป็นทางเดินไปสู่ถนนนาคามิเซะซึ่งเป็นถนนที่มีการขายของฝากของที่ระลึกของญี่ปุ่น ถ้าใครเข้ามาทางด้านนี้ก็จะเดินผ่านถนนนาคามิเซะมาก่อนแล้ว

ตรงนี้จะเป็นซุ้มประตูทางเข้าวัดอีกทาง สังเกตสองข้างของประตู จะมีรองเท้าฟางถักขนาดใหญ่มากอยู่ 2 ข้าง ซึ่งพระในนิกายเซนจะสวมใส่รองเท้าฟางถักแบบนี้ ตรงนี้ไม่ได้ฟังไกด์เล่าอย่างละเอียดเลยจำได้แค่นี้ >_<

มุมนี้มองเห็น Tokyo Tower2 ด้วย

เดินจากซุ้มประตูโคมแดง ก็เข้าสู่ถนนนาคามิเซะ ส่วนแรกที่เราเห็นก็เป็นที่ขายของและมีการเล่นต่างๆ เหมือนในงานวัด แต่เป็นงานวัดแบบญี่ปุ่น

มองย้อนกลับไปทางที่เราเดินมา สังเกตว่าโคมยักษ์สีแดงในซุ้มประตูนี้กับโคมยักษ์ที่อยู่หน้าวิหาร อยู่ตรงตำแหน่งเดียวกันพอดี ซึ่งโคมยักษ์นี้มี 3 โคมซึ่งอยู่ตรงกันทั้ง 3 โคมจากทางเข้าวัดด้านหน้า เดี๋ยวเราจะเดินไปให้สุดตรงทางเข้าด้านหน้ากัน

ส่วนแรกก็จะเป็นคล้ายๆ งานวัด มีการขายขนมพื้นเมืองของญี่ปุ่น การเล่นต่างๆ เช่นการตักไข่เหมือนบ้านเรา เดินไปอีกหน่อยก็เข้าสู่ย่านขายของที่ระลึกต่างๆ

เริ่มมีคนเดินกันบ้างแล้วแต่ยังไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่

ของที่ขายส่วนใหญ่ก็เป็นพวกของที่ระลึก พวงกุญแจ ของพื้นเมืองต่างๆ ร่มแบบญี่ปุ่น ขนมของกินแบบญี่ปุ่น ขนมของฝาก เครื่องรางของญี่ปุ่น ฯลฯ

เดินมาอีกหน่อยก็จะเป็นร้านสองข้างทาง ซึ่งบริเวณนี้หลังคาทั้งสองด้านสามารถเลื่อนมาปิดได้ ในวันที่สภาพอากาศไม่ดีก็จะมีการปิดหลังคา

ร้านค้าต่างๆ ที่มีขาย มีของน่าสนใจหลายอย่าง มีชุดพื้นเมือง ขนมของฝากต่างๆ หรือขนมกินเล่นเพลินๆ

 

ขนมของฝากจำพวกโมจิญี่ปุ่น ที่หน้าตาน่าทานมาก ก็ขายอยู่กล่องละประมาณ 1050 เยน คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 300 กว่าบาท ขนมของฝากก็ราคาประมาณนี้

อันนี้เขาเรียกขนมอะไรไม่ทราบ แต่ว่าเห็นมีมีขายอยู่ทั่วไป เป็นคล้ายๆ แป้งกรอบๆ 8 ชิ้น 500 เยน

ร้านนี้ขายขนมแบบเสียบไม้คล้ายๆ ลูกชิ้น คนต่อแถวกันเยอะ

ชาเขียว แก้วเล็กๆ ขายแก้วละ 100 เยน(ประมาณ 30 กว่าบาท) ชาเขียวเขาหอมมาก

เดินจนมาถึงถนนอีกด้าน ซึ่งทางนี้เป็นทางเข้าด้านหน้า

มองกลับเข้าไปก็จะเป็นซุ้มประตูที่มีโคมแดงขนาดใหญ่ ดูแล้วตรงนี้เหมือนโคมจะเก่าแก่กว่าสองโคมที่ผ่านมา ถัดจากประตูนี้ก็เป็นถนนนาคามิเซะ แล้วก็ผ่านประตูโคมแดงแล้วก็เข้าวัด สังเกตุว่าซุ้มประตูนี้ทั้งสองด้าน จะมีรูปปั้นทวารบาลอยู่ คงคล้ายๆ กับวัดในไทยที่มียักษ์อยู่ 2 ข้างของประตูเพื่อป้องกันสิ่งชั่วร้ายที่จะเข้าไป

เดินย้อนกลับมาอีกรอบเพื่อกลับไปขึ้นรถ พอสายคนเริ่มเยอะขึ้น

ด้านข้างก็มีถนนทางเดินแยกออกไปอีก รานบางร้านก็ยังไม่เปิด

ขากลับออกมาประตูด้านข้างวัดทางเดิมที่เข้ามา เพื่อมาขึ้นรถ ตอนเข้าวัดร้านร่มยังไม่เปิด พอออกมาเจอร้านร่มก็เลยแวะ Shopping กันสักหน่อย เป็นร่มยี่ห้อ Water Front เห็นว่าเป็นร่มที่ดี ทน ว่ากันว่าร่มญี่ปุ่นเป็นร่มที่ดีที่สุดในโลก(ไม่รู้ใครเป็นคนบอก) แต่ไหนๆ ก็มาแล้วก็เข้าไป Shopping สักหน่อย

ร้านนี้ขายแต่ร่มและอุปกรณ์กันฝน มีร่มให้เลือกหลายแบบ ราคาก็ตั้งแต่ 500 เยนขึ้นไป

 

คนญี่ปุ่นตรงเวลามาก นัดรถมารับก็มาตามเวลาแป๊ะๆ ต้องรีบไปขึ้นรถเพราะรถจอดนานไม่ได้เนื่องจากเขาห้ามจอด ดังนั้นเราก็จะต้องตรงเวลา ตอนไปขึ้นรถก็เห็นตำรวจมาคุยกับคนขับรถแล้ว จากนั้นเราก็ออกเดินทางไปทะเลสาปอาชิเพื่อไปล่องเรือ เราแวะทานกลางวันกันที่นั่นก่อนลงเรือ ระหว่างทางเจอรถคันนี้น่ารักมากๆ ^_^

ไปแวะเข้าห้องน้ำกันที่จุดพักรถ

ตอนต่อไป จะพาไปล่องเรือโจรสลัดกันที่ทะเลสาปอาชิ และพาไปชิมไข่ดำกันที่หุบเขาโอวาคุดานิค่ะ

ขอบคุณที่มาเยี่ยมชม Blog ของ bombik ค่ะ แล้วแวะมาอีกนะคะ ^_^

3 comments on "พาเที่ยวญี่ปุ่น : วัดอาซากุสะ วัดที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียว"

blue chip stocks's picture
blue chip stocks (visitor) said on Sun, 11/28/2010 - 20:49:

เหอๆ เห็นแล้ว อยากไปมั่งจัง

seal's picture
seal (visitor) said on Mon, 02/28/2011 - 10:34:

อย่าลืมแวะกินขนม หน้าวัด มีอร่อย หลายอย่าง
อันไหนแปลก แปลก ก็อย่าพลาด ลองชิมกัน ดู ไหน ไหน ก็ไปถึงที่นั่นแล้ว :-)

Anonymous's picture
Anonymous (visitor) said on Wed, 06/29/2011 - 21:03:

รบกวนขอข้อมูลบริษัทฯทัวร์ที่ญึ่ปุ่นด้วยค่ะ ตั้งใจจะไปเที่ยว Hakone-Kawagujigo อยากติดต่อให้ทางทัวร์วางแผนให้ จะไปกับครอบครัวประมาณ 5 คนค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ
นัยนา

Powered by Drupal, an open source content management system

Copyright © 2009 bombik - Theme ported to Drupal by kong
CSS Templates by Inf Design - Valid XHTML & CSS