จากตอนที่แล้ว พาเที่ยวญี่ปุ่น3 : ชิมไข่ดำที่หุบเขาโอวาคุดานิหรือหุบเขานรก
จากหุบเขานรกเรามุ่งหน้ามาที่ทะเลสาปคาวาคูจิโกะ หนึ่งในทะเลสาปทั้งห้าที่อยู่รอบๆ ภูเขาไฟฟูจิ คืนแรกในญี่ปุ่นเราพักกันที่ TOMINOKO hotel เป็นโรงแรมที่อยู่ริมทะเลสาปคาวาคูจิโกะ สามารถมองเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิ และที่โรงแรมเแห่งนี้มีออนเซ็นด้วย
คาวาคูจิโกะ เป็นหนึ่งในทะเลสาปที่อยู่รอบๆ ภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 5 ทะเลสาปได้แก่ Kawaguchiko, Saiko, Yamanakako Shojiko และ Motosuko คาวาคูจิโกะเป็นทะละสาปที่เข้าถึงง่ายที่สุดในบรรดาทะเลสาปทั้ง 5 ซึ่งสามารถเดินทางได้สะดวก สามารถเดินทางได้ทั้งทางรถไฟและรถเมล์ มีสิ่งน่าสนใจหลายอย่าง ซึ่งแต่ละฤดูก็มีความสวยงามต่างกัน เช่น ถ้ามาช่วงเดือนเมษายน ก็จะเห็นซากุระบานริมทะเลสาป หรือมาช่วงฤดูใบไม้ร่วง ประมาณต้นเดือนพฤศจิกายน ก็จะเห็นวิวที่เป็นใบไม้เปลี่ยนสี และรอบๆ ก็ยังมีจุดชมวิวสวยๆ และพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจให้เข้าชม นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งน้ำพุร้อน ซึ่งตามโรงแรมต่างๆ มักจะมีออนเซ็นให้บริการ ตามมาดูห้องพักและชมวิวคาวาคูจิโกะกันค่ะ
ห้องพักที่เรามาพักก็เรียบง่าย บนเตียงจะมีผ้าเช็ดตัวกับชุดยูกาตะวางไว้ให้
ด้านข้างเตียงก็จะเป็นตู้เสื้อผ้า กับโต๊ะเครื่องแป้ง มีกระติกน้ำร้อน ขนมเล็กน้อยและเครื่องดื่มซอง
ด้านในสุดจะเป็นโซฟาที่นั่งเล่น ดูทีวี ถ้าเป็นตอนกลางวัน เปิดม่านไปก็จะมองเห็นทะเลสาปและวิวภูเขาไฟฟูจิ
มองย้อนกลับไปที่ประตูห้อง เดินเข้ามาด้านขวามือจะเป็นส้วมกับห้องน้ำ ซึ่งแยกห้องกัน
ห้องยาว แต่ไม่กว้างมากนัก
หัวเตียง
ชอบห้องน้ำที่โรงแรมนี้ จะแยกระหว่างส้วม กับห้องอาบน้ำ ส้วมก็จะเป็นส้วมอัตโนมัติสไตล์ญี่ปุ่น ชอบที่อาบน้ำ พื้นจะเป็นเหมือนพลาสติกทำความสะอาดง่ายดี
เข้าที่พักเสร็จก็ลงมาทานอาหารมื้อเย็น ซึ่งเป็นบุปเฟต์ขาปูยักษ์ เติมได้ไม่อั้น เขาจะมีกรรไกรไว้ให้คนละอัน สำหรับตัดปูเพื่อแกะ ขาปูสดดี อร่อยมาก จิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู๊ดแซ่บๆ สุโก้ย.. อ้อ น้ำจิ้มซีฟู๊ด ไกด์เตรียมมาให้เพราะที่ญี่ปุ่นไม่มี มีแต่ซอสญี่ปุ่นเท่านั้น
ดูขาปูกันชัดๆ
อาหารอื่นๆ อันนี้เป็นหมี่ เหมือนจะเป็นหมี่เย็น
ตรงนี้จะเป็นพวกผักดองต่างๆ
ผลไม้ น้ำผลไม้ และผักสลัด
ดูกันชัดๆ ผักดอง
ซูชิ ข้าวผัด และอื่นๆ
เนื้อสไลด์ลวก อร่อยมากๆ ลวกกันสดๆ
ตักมาแค่นี้ ส่วนใหญ่จะเน้นที่ขาปูยักษ์ซะมากกว่า
ของหวานตบท้าย คือ ไอศครีม อร่อยดี
ริมทะเลสาปตอนกลางคืนมองไม่เห็นวิวอะไรมาก รอบๆ ก็จะมีโรงแรมต่างๆ มากมาย พอพระอาทิตย์ตก อากาศก็เริ่มเย็น นอกจากชมวิวแล้วก็ไม่มีกิจกรรมอะไร ใครที่ต้องการจะอาบน้ำแร่แช่น้ำร้อน ที่นี่จะมีน้ำแร่ร้อนให้แช่ที่ชั้น 5 ที่เรียกว่า ออนเซ็น น้ำแร่ร้อนแบบที่ว่าก็คือน้ำแร่ธรรมชาติที่มาจากความร้อนใต้พื้นดิน มีการค้นพบว่าดีต่อสุขภาพและสามารถบำบัดโรคบางอย่างได้ การลงแช่น้ำร้อนแบบออนเซ็น ก็ต้องเปลื้องผ้าออกทั้งหมดที่นี่จะเป็นบ่อรวม แต่แยกชาย-หญิง พอเข้าไปก็จะมีที่ให้ถอดเสื้อผ้า และก็จะมีผ้าขนหนูให้สองผืน ต้องอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดก่อน แล้วจึงเดินไปลงแช่น้ำร้อน(เดินแบบล่อนจ้อนอาจจะมีเพียงผ้าขนหนูผืนเล็ก) ผ้าขนหนูผืนเล็กที่ให้มาด้วยก็เอาไว้เช็ดหน้าหรือไว้ถูตัว น้ำในบ่อค่อนข้างร้อนต้องค่อยๆ ลงหรือจุ่มๆ แขนขา ให้ร่างกายปรับสภาพ ลงไปแล้วแช่สักประมาณ 15 นาทีก็พอ เพราะมันร้อนมาก หัวใจจะเต้นแรง ทำให้บางคนถึงขั้นหน้ามืดได้ แช่เสร็จจะรู้สึกสบายตัวมากๆ ในออนเซ็นที่นี่ ใช้ผลิตภัณฑ์ของ KOSE เล่าเหมือนไปออนเซ็นมาเอง แต่จริงๆ ไม่กล้าไปฟังพี่ที่ไปด้วยเล่ามาอีกที >_< ถ้าไปญี่ปุ่นอีกครั้ง ไม่พลาดแน่
อินเตอร์เน็ตหยอดเหรียญ 100 เยนเล่นได้ 10 นาที
เช้าวันรุ่งขึ้นตื่นขึ้นมาแต่เช้า เปิดม่านมาจะเห็นวิวนี้
วิวจากห้องพัก
เหมือนแอร์ในห้องไม่ค่อยเย็น หรือว่าปรับตามสภาพอากาศไม่รู้นะ ในห้องก็จะมีขนมและชาเขียว ชาเขียวเขาหอมมาก
ออกมาเดินชมวิวด้านหน้าโรงแรม อากาศเย็นมาก
ถนนหน้าโรงแรม ข้ามถนนมาก็จะเป็นทะเลสาป
โรงแรมที่เราพัก ที่เห็นชั้นบนสุด ขวามือจะเป็นออนเซ็น บางคนออนเซ็นเสร็จก็ออกมายืนชมวิวแบบล่อนจ้อน ที่ริมระเบียง >_<
วิวทะเลสาป มีคนมาตกปลาด้วย ว่ากันว่าปลาในทะเลสาปเป็นปลาที่อร่อย
วิวมุมกว้าง
เห็นมิสเตอร์ฟูจิอยู่ด้านหน้า
ถ่ายมาหลายๆ มุม
เห็นเงาสะท้อนของฟูจิซังในทะเลสาป
มุมนี้ดูเป็นญี่ปุ่นดี
มีเมฆหมอกลอยผ่าน
คนนี้มาตกปลาแต่เช้าเลย
รอบๆ ก็จะมีที่พักเยอะมาก แต่ถ้าอยู่ฝั่งทางที่พักเราจะมองเห็นฟูจิชัดเจน
ชมวิวเสร็จก็เดินกลับไปทานอาหารเช้า
อาหารเช้าวันนี้ ไม่ค่อยหิวเลยทานแค่ข้าวต้มกับปลาอินทรี มิโซะซุป ตักถั่วเน่า(นัตโตะ)มาด้วย เป็นอาหารประจำชาติญี่ปุ่น แต่กินไม่ไหวอ่ะ มันแปลกๆ ยืดๆ ทีแรกนึกว่าจะรสเค็มๆ เลยตักมา ส้มรสชาติขมๆ ไข่ลวกที่อยู่ในกระบอกไม้ไผ่พลาสติก
หลังจากทานมื้อเช้าเสร็จก็มุ่งหน้าไปภูเขาไฟฟูจิ เพื่อขึ้นไปชมวิวด้านบนภูเขาไฟฟูจิกันค่ะ ตอนต่อไปจะพาขึ้นไปบนฟูจิซัง ไปชมวิวสวยๆ กันบนนั้นค่ะ
ขอบคุณที่มาเยี่ยมชม Blog ของ bombik ค่ะ แล้วแวะมาอีกนะคะ ^_^