เนื่องจากเดือนนี้ มีกำหนดการเดินทางไปศึกษาดูงานที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลา 4 วัน ซึ่งโปรแกรมการศึกษาดูงานในครั้งนี้ให้บริษัททัวร์เป็นผู้จัดโปรแกรม กว่าจะผ่านขั้นตอนต่างๆ มาได้ก็ยุ่งยากพอสมควร ก็เลยอยากจะมาเล่าสู่กันฟัง เฉพาะข้อมูลทั่วๆ ไป เผื่อเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับคนที่กำลังหาข้อมูลค่ะ
การทำวีซ่า
เนื่องจากไปเป็น Group ทัวร์ ทางบริษัทก็จะรับไปดำเนินการเรื่องการขอวีซ่าให้ทั้งหมด เพียงแค่เราเตรียมเอกสารให้พร้อม เอกสารที่เรายื่น ได้แก่
- แบบสอบถามเพื่อการขอวีซ่า
- สำเนาทะเบียนบ้าน(ถ่ายทุกหน้า)
- สำเนาบัตรประชาชน
- รูปถ่ายพื้นหลังสีขาวหรือดำหรือสีอ่อนๆ 2 x 2 นิ้ว 1 รูป
- หนังสือเดินทางมีอายุการใช้งานเหลืออย่างน้อย 6 เดือน มีที่เหลือไม่ต่ำกว่า 2 หน้า
- หนังสือรับรองการทำงานจากหน่วยงาน
- สำเนาสมุดบัญชีเงินฝาก
- จดหมายเชิญจากญี่ปุ่น
รายละเอียดอื่นๆ ของเอกสาร ลองเข้าไปหาดูที่นี่ค่ะ >> เว็บสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น จากที่ได้รู้มาว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศหนึ่งที่ขอวีซ่าค่อนข้างยาก ดังนั้นเอกสารต่างๆ ที่ยื่นก็เป็นสิ่งสำคัญ และยิ่งเป็นผู้หญิงที่มีสถานภาพโสด ทางสถานทูตจะตรวจสอบค่อนข้างเข้มงวดมากกว่าคนอื่นๆ ดังนั้นจดหมายรับรองจากหน่วยงานเป็นสิ่งสำคัญ ว่าเรามีงานทำเป็นหลักแหล่งอยู่ในประเทศไทย ถ้าไปดูงานที่ญี่ปุ่นมีจดหมายเชิญจากที่นั่นและระบุชื่อบุคคลก็จะดี สมุดธนาคารที่มีเงินไหลเวียนเข้าทุกเดือน เราใช้สมุดธนาคารที่เป็นบัญชีเงินเดือน ซึ่งแต่ละเดือนมีเงินเหลือติดบัญชีน้อยมาก ตอนนั้นบริษัททัวร์บอกว่า ในสมุดบัญชีควรมีเงินในบัญชีเหลืออย่างน้อย 5 หมื่น >_< ก็เลยใช้สมุดบัญชีอีกเล่มที่มีเงินไหลเวียนตลอดควบคู่ไปด้วย เล่มนึงเป็นบัญชีเงินเดือน บอกว่าเรามีงานทำมีรายได้ทุกเดือน อีกเล่มนึงเพื่อบอกว่าในขณะที่อยู่ในญี่ปุ่น เราจะมีเงินเพียงพอที่จะใช้จ่ายที่นั่น
ตอนนั้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการขอวีซ่าญี่ปุ่นเยอะมาก หลายๆ คนที่อ่านเจอ ก็ไม่ต้องมีเงินติดบัญชีเยอะมากขนาดนี้ก็ยังขอได้ เพียงแต่ทำให้สถานทูตมั่นใจได้ว่า เราไปแล้วมีที่พักเป็นหลักแหล่งและจะกลับมาที่เมืองไทยแน่ๆ ของเรามีจดหมายรับรองการทำงานจากที่ทำงาน จดหมายจากหน่วยงานยืนยันรับผิดชอบค่าใช้จ่าย และจดหมายเชิญจากญี่ปุ่น คิดว่าไม่น่ามีปัญหา แต่ยังไงก็แล้วแต่มีเงินเยอะๆ ไว้ก่อนก็อุ่นใจ ก็เลยเติมเงินลงไปในบัญชีอีก 5 หมื่น ในที่สุดวีซ่าก็ผ่าน ^_^
แลกเงินเยน
การแลกเงินแค่ไหนจึงจะพอ ขึ้นอยู่กับว่าคุณไปแบบไหน และคำนวณค่าใช้จ่ายส่วนตัวไว้เท่าไหร่ สำหรับเราไปกับทัวร์ ค่าโรงแรม ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ทุกอย่างรวมกับค่าทัวร์แล้ว มีเพียงอาหารมื้อเดียวที่ต้องซื้อทานเอง และคิดว่าคงไม่ Shopping อะไรมาก ซื้อของฝากนิดหน่อย แลกแค่ 10,000 บาทพอ ^_^ มีอะไรขาดเหลือหรือฉุกเฉินก็ใช้บัตรเครดิตได้
เราไปแลกที่ Super Rich ร้านนี้จะให้อัตราดีกว่าที่อื่น(เท่าที่หาข้อมูลมา) จริงๆ ว่าจะไปแลกแถวๆ หลังการบินไทย พอไปหาข้อมูล ก็พบว่าจริงๆ เป็นร้านเดียวกันคือ Super Rich 1965 มีสำนักงานใหญ่อยู่แถวประตูน้ำ ไหนๆ จะไปแถวนั้นอยู่แล้ว ก็เลยไปแลกที่นั่นดีกว่า ร้าน Super Rich จะมีอยู่ 2 ร้านคือ Super Rich(Thailand) มีสาขาเดียวที่ประตูน้ำที่ราชดำริซอย 1 กับ Super Rich 1952 มีหลายสาขา สำนักงานใหญ่อยู่ที่ประตูน้ำ(แถวนั้นมีอยู่ 4 ร้าน) แผนที่ดูได้จากในเว็บของร้านเลยค่ะ หรือง่ายๆ ก็คือ ร้านจะอยู่ตรงข้าม Central World ฝั่งเดียวกับบิ๊กซี ถ้ามาจากฝั่ง Central World ก็ข้ามสะพานลอยหน้าพระพิฆเนศ มองไปทางซ้ายมือจะมีธนาคารกรุงเทพฯ อยู่ ลงจากสะพานลอยเดินมาอีกนิดจะเป็นซอยราชดำริ 2 ซอยนี้มีร้าน Super Rich 1952 อยู่ 2 ร้าน เดินเลยไปอีกหน่อย จะเป็นซอยราชดำริ 1 เดินเข้าไปในซอยนิดเดียว จะมีทั้งสองร้านตั้งอยู่ติดกันเลยลองเข้าไปดูอัตราแลกเปลี่ยนก่อนก็ได้ค่ะ
ตอนที่เราไปแลก อัตราแลกเปลี่ยนจากบาทไทยเป็นเยน อยู่ที่ 0.3635 บาทต่อ 1 เยน (ดูอัตราแลกเปลี่ยนในคอลัมน์ Sell นะคะ ส่วนคอลัมน์ Buy จะเป็นอัตราที่ร้านจะซื้อคืนจากเรา) พอเข้าไปในร้านก็เข้าไปที่เค้าท์เตอร์แสดงบัตรประชาชน เขาถามว่าเอาเงินอะไรมา จากนั้นก็จะสำเนาบัตรประชาชนและปั๊มตรายางว่าเพื่อการแลกเงินเท่านั้น และให้บัตรคิวมารอเรียก เดินไปรอที่หน้าเค้าท์เตอร์(ตอนไปได้บัตรคิวปุ๊บก็เรียกเลย) ก็แจ้งว่าจะแลกเงินเท่าไหร่ เราแลก 10,000 บาท พนักงานก็บอกว่าเพิ่มอีก 905 บาทจะได้ 30,000 เยน เราก็ OK จ่ายเงินไป 10,905 บาท จากนั้นเขาจะให้สลิปเล็กๆ พร้อมบัตรคิวเดิมมานั่งรอ ไม่นานก็เรียกไปรับเงิน
ได้แบงค์มา 3 ใบ ไม่รู้จะใช้ยากหรือเปล่าแบงค์ 10,000 เยน
เตรียมเสื้อผ้า
ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะไปญี่ปุ่นช่วงไหนและเมืองไหน เราไปช่วงเดือนตุลาคม เป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง ว่ากันว่าอากาศกำลังเย็นสบาย เริ่มเข้าสู่ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีหรือดูใบไม้แดงของญี่ปุ่น ก่อนเข้าฤดูหนาว อุณหภูมิอยู่ในช่วง 10 - 20 องศาเซลเซียส จะหนาวก็ไม่หนาว จะร้อนก็ไม่ร้อน ยังมีฝนตกอยู่ประปราย ถ้ามีฝนตกอุณหภูมิจะเย็นลง ก็เลยคิดว่าจะแต่งตัวยังไงดี -_-a อุณหภูมิประมาณนี้ก็คงเหมือนกับหน้าหนาวทางภาคเหนือของเรา เสื้อผ้าที่เป็นเสื้อกันหนาวแต่ไม่ต้องถึงกับเสื้อโค้ทก็คงจะเพียงพอ
เราไปหาซื้อเสื้อผ้ากันที่แพทตินัม ประตูน้ำ เดินสบายๆ และมีร้านมากพอสมควร แลกเงินที่ super rich เสร็จ ก็ข้ามฝั่งมา Shopping เสื้อผ้ากันต่อที่แพทตินัม ก็เลยไปหาซื้อเสื้อผ้าเพิ่มเติมจากที่มีอยู่ ก็ไม่รู้จะเข้ากับอากาศหรือเปล่า ไว้ไปกลับมาแล้วจะมารีวิวอีกทีค่ะ ที่ซื้อมาก็เป็นชุดเสื้อแขนยาวคล้ายๆ เดรส แลคกิ้ง รองเท้ากึ่งบู๊ท เสื้อคลุมไหมพรหม และก็เตรียมชุดหนาๆ ไปด้วยไว้ใส่วันที่ไปฟูจิซัง เตรียมไปให้พร้อมดีกว่าขาด จะได้พร้อมทุกสถานการณ์ มีเว็บรายงานการแต่งตัวของวัยรุ่นในโตเกียวซึ่งมีการอัพเดททุกอาทิตย์ อาจจะพอทำให้ทราบได้ว่า ขณะนี้อุณหภูมิที่โตเกียวเป็นอย่างไรแล้ว เว็บนี้ค่ะ style-arena.jp แต่เราคนไทยจากร้อนๆ ไปเย็น ยังไงก็ต้องหนาวกว่าคนที่นั่นอยู่แล้ว เพราะยังไม่ชินสภาพอากาศ และในเว็บการแต่งตัวส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น
บริษัททัวร์มา Present เตรียมความพร้อมก่อนไป ทัวร์บอกว่าจะหนาวประมาณ 10 - 15 องศาเซลเซียส แต่เราเข้าไปดูอุณภูมิของญี่ปุ่นทุกวันและพยากรณ์อากาศล่วงหน้า อุณหภูมิเริ่มลดลงเรื่อยๆ ที่โตเกียว วันที่เราจะเดินทางไปถึงสูงสุด 23 ต่ำสุด 17 องศาเซลเซียส เราดูจากเว็บนี้ yokosojapan.org หรือง่ายๆ พิมพ์คำว่า tokyo weather ลงไปใน google ก็จะทราบข้อมูล
เราขึ้นภูเขาไฟฟูจิกันด้วย บนนั้นจะมีอุณภูมิต่ำกว่าด้านล่าง เราก็สามารถที่จะดูอุณหภูมิในระดับความสูงต่างๆ ได้จากเว็บนี้ snow-forecast.com ที่จะบอกอุณหภูมิในระดับต่างๆ ของภูเขาไฟฟูจิ เพื่อเตรียมเสื้อผ้าให้พร้อม เราขึ้นไปที่ระดับ 5 ซึ่งสูงประมาณ 2,000 กว่าเมตรอุณหภูมิในช่วงนั้นก็เป็นเลขตัวเดียว เสื้อผ้าควรจะหนาหน่อย
โปรแกรมนี้ค่าทัวร์ 48,900 บาทซึ่งเป็นราคาพิเศษสำหรับ Group เล็กๆ อย่างพวกเรา และต้องจ่ายเงินเพิ่มค่าทิปไกด์กับคนขับรถอีกคนละประมาณ 1,100 บาท รวมค่าทิปของทุกคนที่ต้องจ่ายให้กับคนขับรถและไกด์ 40,000 เยน o_O คิดเป็นเงินไทยในอัตราแลกเปลี่ยน .365 คือ 14,450 บาท!!! มากกว่าเงินที่เราแลกไป Shopping อีกนะเนี่ย >_< จากการที่เป็นคนที่ชอบเสพกระทู้ที่มีคนมารีวิวเกี่ยวกับการท่องเที่ยวอยู่ทุกวัน และอ่านข้อมูลเที่ยวญี่ปุ่นมาพอสมควร ทำให้เรามีข้อมูลอยู่ว่า ญี่ปุ่นไม่มีธรรมเนียมการให้ทิป แต่ทัวร์บอกว่าเป็นธรรมเนียมที่ต้องให้ในอัตราเท่านี้ ก็เลยเกิดความขัดแย้งอยู่ในใจมากๆ ตอนที่เขาบอกว่าต้องจ่ายเท่านั้นเท่านี้
ทั้งๆ ที่ตอนแรกบอกว่าโดยปกติเขาจะให้ออกค่าทิปคนละ 500 บาท สำหรับกรุ๊ฟทัวร์ที่มีคนเยอะๆ เพื่อจะได้ประมาณ 20,000 เยน แต่กรุ๊ฟเราถ้าจะให้ได้จำนวนเท่านั้นต้องจ่ายเพิ่ม คิดแล้วก็น่าจะเป็นคนละประมาณ 700 บาท ก็ยังพอรับได้เพราะคิดว่านี่คืออัตราสำหรับสองคนแล้ว ไปๆ มาๆ กลายเป็นต้องจ่ายคนละ 20,000 เยน รวมเป็น 40,000 เยน โอ้ว! ใครช่วยบอกที ว่านี่คือค่าทิปหรือ? วันนั้นเลยเอ๊ะ! อะไร?? ทำไมทุกคนเฉยๆ กับเงินจำนวนนี้ ทำไมไม่มีใครสงสัยแบบเรา 20,000 ต่อสองคนเราก็ว่าเยอะแล้วนะ แต่นี่ 40,000 -"- สรุปแล้วจริงๆ ทัวร์นี้ถ้ารวมค่าทิปด้วยก็จ่ายคนละ 50,000 บาท หรือว่าเป็น Group เล็กๆ เลยต้องจ่ายค่าไกด์กับคนขับรถเอง? หรือมันเป็นค่าทิปจริงๆ? เป็นธรรมเนียมของทัวร์ไทยที่ไปญี่ปุ่น? หรือข้อมูลที่เรารู้มามันจะผิดพลาด? หรือจริงๆ ใครๆ ก็เขาจ่ายกันเท่านี้เป็นปกติ? ไม่เคยไปทัวร์แบบนี้ ก็เลยไม่รู้ว่าเขาต้องจ่ายกันเป็นปกติด้วยอัตราแบบนี้จริงๆ หรือ ใครทราบหรือพอมีประสบการณ์ช่วยมาแชร์ประสบการณ์หน่อยนะคะ เพราะตั้งแต่วันนั้นก็ยังสงสัยมาจนถึงวันนี้
ทิ้งท้ายด้วยความสงสัยอีกอย่างคือ ราคาราเมงแชมป์เปี้ยนที่ญี่ปุ่น ที่ทัวร์จะพาไปกินคนละ 1 ชาม(เลยพูดเล่นๆ ว่าให้แค่คนละ 1 เองหรอ ตามประสาผู้หญิงกินจริงจัง 555) เขาบอกว่า "คุณรู้ไหมว่าราคาราเมนที่คุณกินชามนึง ราคามันมากกว่าอาหารทุกมื้อที่คุณกินมา" อืม..เท่าเคยดูรีวิวมาก็ประมาณ 200 - 400 บาทต่อชาม(700 - 1,100 เยน) ซึ่งมันอาจจะมีแพงกว่านี้ก็ได้ สุดยอดเลยถ้าทัวร์นี้จะพาไป
สำหรับเรา..การจะไปทำอะไรหรือไปที่ไหนสักที่ ต้องหาข้อมูลให้มากเท่าที่จะหาได้ แต่ถ้ารู้อะไรที่ผิดพลาดก็ช่วยแก้ไขหรือบอกด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชม Blog ของ bombik ค่ะ แล้วแวะมาอีกนะคะ