ต่อจากตอนที่แล้ว บินเดี่ยว เที่ยวเชียงใหม่(3) : พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์
เช้าวันที่ 2 หลังจากทานข้าวเช้าเสร็จเราออกเดินทางไปสวนสัตว์เชียงใหม่กัน เพื่อไปให้ทันดูหลินปิงรอบเช้า ซึ่งตอนที่ไปจะเปิดให้เข้าชมหลินปิง 2 รอบ คือรอบเช้า 9.00 - 10.00 น. รอบบ่าย 15.00 - 16.00 น. แต่ตอนนี้เปิดให้เข้าชมหลินปิงตัวจริงทุกวันตั้งแต่เวลา 9.00 - 16.00 น.แล้ว เส้นทางที่ไปสวนสัตว์เชียงใหม่จะเป็นเส้นทางเดียวกับที่ไปดอยสุเทพ แต่ยังไม่ถึงทางขึ้นดอย สวนสัตว์จะอยู่ซ้ายมือ เลี้ยวเข้ามาจะเป็นอาคารจอดรถ
วันที่ไปเป็นวันอาทิตย์มาถึงสวนสัตว์ประมาณ 8.00 น. เวลาทำการของสวนสัตว์คือ 8.00 - 17.00 น. หลังจากจอดรถเสร็จก็ลงมาซื้อบัตรเข้าชมด้านล่าง แต่ปรากฏว่ายังไม่เปิดขายบัตรทั้งๆ ที่ 8 โมงกว่าแล้ว ก็เลยยืนรออีกสักพักก็ยังไม่มีใครมาขายตั๋ว คนเริ่มทะยอยกันมา เห็นว่ารอนานแล้วก็เลยเดินไปถามเจ้าหน้าที่แถวๆ นั้นว่าเปิดกี่โมงเพราะอาจจะเลื่อนเวลาเปิด เจ้าหน้าที่บอกว่า 8.00 น. แต่คนขายตั๋วยังไม่มา เดี๋ยวจะลองโทรตามดู คนเริ่มหงุดหงิด รอจนประมาณ 8 โมงครึ่งก็ได้ซื้อตั๋ว มีเจ้าหน้าที่อีกคนมาขายแทนเพราะว่าคนที่มีหน้าที่ยังมาไม่ถึงเพราะรถเสีย
บัตรเข้าชมผู้ใหญ่ราคา 50 บาท เด็ก 10 บาท ตอนนั้นคนยังไม่เยอะเท่าไหร่ มีคนที่รอคิวซื้อตั๋วอยู่ประมาณ 10 กว่าคนและก็ทัวร์ผู้สูงอายุ
แผนที่สวนสัตว์เชียงใหม่ บริเวณนี้มีแอลกอฮอล์เจลให้ล้างมือก่อนเข้าชมด้วย
จากจุดที่ซื้อตั๋วต้องเดินต่อเข้ามาอีก เพื่อที่จะไปขึ้นรถนำเที่ยวที่จอดอยู่ด้านใน
จุดแรกที่มีสัตว์ให้ชมก่อนถึงท่ารถนำเที่ยว คือ นกฟลามิงโก ปากและเท้าสีชมพูสวยเชียว
ตัวอะไรไม่รู้แปลกดี อยู่บนพื้นถนนเต็มไปหมด ดูเผินๆ คิดว่าเศษกระดาษทิชชู่ แต่พอมองดูจริงๆ มันเป็นสิ่งมีชีวิต เดาว่ามันน่าจะเป็นแมลงชนิดหนึ่ง กระโดดได้ด้วย
เดินเข้ามาประมาณ 100 เมตรก็ถึงท่ารถนำเที่ยว
รถนำเที่ยวจะจอดเป็นจุดๆ ซึ่งมีจุดจอดทั้งหมด 5 สถานี ต้องซื้อตั๋วก่อนขึ้นรถ ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท จุดแรกที่เราจะไปลงคือสถานีที่ 1 หมีแพนด้า ที่บอกว่าพร้อมมัคคุเทศก์ มัคคุเทศก์ก็คือคนขับรถนั่นเอง ระหว่างขับก็จะบรรยายสิ่งต่างๆ ระหว่างทางไปด้วย
ตั๋วที่ได้มา ทางด้านขวาจะมีเลขของสถานี 1-5 ซึ่งถ้าไปถึงสถานีไหนแล้ว จะมีเจ้าหน้าที่มาฉีกเลขสถานีนั้น เพื่อให้รู้ว่าได้ผ่านมาแล้ว ถ้าหากต้องการมาอีกรอบก็ต้องไปซื้อตั๋วใหม่
ถึงแล้วสถานีหมีแพนด้า รถนำที่ยวจะจอดส่งผู้โดยสาร หากคนลงหมด รถก็จะจอดรอผู้โดยสารที่จะไปสถานีต่อไป แต่ถ้าลงไม่หมดก็ต่อไปยังสถานีอื่นเลย
ขึ้นไปซื้อบัตรเข้าชมหมีแพนด้า ผู้ใหญ่ราคา 50 บาท เด็ก 20 บาท
บัตรเข้าชมหมีแพนด้า
ป้ายบอกทาง
บริเวณที่นั่งรอและนั่งพักผ่อน ตอนนั้นยังไม่ถึงเวลาเข้าชมก็เลยเดินถ่ายรูปเล่นอยู่บริเวณนี้ก่อน
ลานแสดงหมีแพนด้าและทางเข้าจะอยู่ติดกับโดมหิมะหรือ snow dome ด้านข้างจะมีร้านของของที่ระลึก ซึ่งมีของขายหลายอย่างเกี่ยวกับหมีแพนด้า โดยเฉพาะตุ๊กตาหมีแพนด้า
โต๊ะเก้าอี้ชุดนี้เก๋ดี ชอบๆ ^_^ เป็นโต๊ะเก้าอี้แบบอัลลอยด์ที่ทำเป็นรูปหมีแพนด้า อภินันทนาการจากศักดิ์สิทธิ์อัลลอยด์
ทางเข้า Snow Dome และ ทางเข้าชมหมีแพนด้าอยู่ติดกัน คนที่ไปเล่นใน Snow Dome จะมีชุดให้เช่าที่ด้านนอก
พอใกล้ถึง 9.00 น. คนก็มายืนรอเพื่อที่จะเข้าชมหลินปิง ซึ่งกว่าจะให้เข้าด้านในก็เกือบๆ 9.30 น. สงสัยหลินปิงยังอาบน้ำประแป้งไม่เสร็จ ก่อนเข้าชม เจ้าหน้าที่จะประกาศให้เอากล้องถ่ายรูปออกมาเพื่อติดสติ๊กเกอร์ดำตรงแฟลช
ด้านในจะมีผลิตภัณฑ์จากมูลแพนด้าจัดแสดงอยู่ บางช่วงจะให้เดินย่ำบ่อน้ำยาฆ่าเชื้อ เพื่อฆ่าเชื้อที่ติดมากับรองเท้า ก่อนที่จะเข้าไปด้านใน
ส่วนจัดแสดงหลินปิง เราจะได้อยู่แค่หลินปิงเท่านั้นไม่มีช่วงช่วงกับหลินหุ้ย
บริเวณนั้นจะเป็นครึ่งวงกลม ผู้ชมจะยืนอยู่ด้านนอกที่มีรั้วกั้นไว้ ดูจากระยะก็ไม่ใกล้เท่าไร ถ่ายรูปก็ต้องซูมๆ เอา ภาพที่ได้ก็จะเบลอๆ
พอเข้ามาด้านใน จะห้ามส่งเสียงดังหรือคุยเสียงดัง เพราะแพนด้าไม่ชอบเสียงดัง << เขาว่าอย่างนั้น ถ้าส่งเสียงดังหลินปิงจะกลัวและไม่เดินออกมาด้านหน้า ส่วนการถ่ายรูปห้ามใช้เฟลชเด็ดขาด ก่อนเข้ามาก็จะมีเจ้าหน้าที่ติดสติ๊กเกอร์บริเวณแฟลชกล้องให้ จริงๆ ตั้งถ่ายแบบปิดเฟลชก็ได้ แต่คงป้องกันคนที่ปิดเฟลชไม่เป็นและคนที่เผลอลืมปิด ทั้งๆ ที่ให้ติดแล้วก็ยังมีคนไม่ติดแล้วก็ถ่ายรูปแบบมีแฟลช เจ้าหน้าที่ต้องตามเข้ามาติดถึงด้านใน ในนั้นก็จะมี รปภ ยินถือป้ายห้ามส่งเสียงดังอยู่ ใครเสียงดังแกจะเดินไปเตือน มีการถ่ายวีดีโอออกที่กล้องวงจรปิดด้วยเผื่อใครอยากเห็นแบบชัดๆ ด้านในก็จะมีเจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้หญิงคอยตามถ่ายรูปหลินปิงตลอด
ด้านในจะมีคน 3 คน ผู้ดูแลหลินปิง ผู้ช่วย และผู้หญิงที่เป็นช่างกล้อง หลินปิงออกมาก็ปีนป่ายไปตามเรื่อง คนดูแลก็ตามตลอดทุกฝีก้าวไม่ว่าหลินปิงจะทำอะไร ต้องคอยดู คอยรับ เพราะกลัวหลินปิงจะตกลงมา สุดยอดของความประคบประหงม ถ้าอยู่ในธรรมชาติคงไม่มีใครทำให้มันแบบนี้ แต่เป็นเพราะที่นี่..คือสวนสัตว์เชียงใหม่ และหลินปิงต้องถูกส่งคืนจีน..ก็เลยต้องดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ..? แต่ยังไงก็ตามหลินปิงได้ืทำกำไรให้กับสวนสัตว์เชียงใหม่แล้วไม่ต่ำกว่า 50 ล้าน
แบบนี้มั้ง..หลินปิงเลยดูป้อแป้ เบบี๊..เบบี๋ ดูเหมือนจะช่วยตัวเองไม่ค่อยได้ หรือว่ามันยังเด็กอยู่ก็ไม่รู้ แต่ไม่ว่ามันจะทำอะไรหรือเดินไปไหน ก็ดูน่าร๊าก..น่ารัก ขนฟูฟู น่ากอดจริงๆ ถ้าเป็นเด็กคงเป็นเด็กที่น่ารักและก็ถูกตามใจมากๆ จากคนเลี้ยง
ออกมาได้แป๊บนึง ก็เริ่มงอแง เหมือนอยากจะกลับเข้าไปด้านใน ไม่อยากโชว์ตัวแล้ว พยายามที่จะขึ้นไปและเปิดประตูเอง คนเลี้ยงพาอุ้มลงมา หลินปิงก็ปีนขึ้นไปที่เดิมจะเข้าด้านในให้ได้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคนเริ่มเยอะและมีคนส่งเสียงดังหรือเปล่า รปภ มาเตือนบางกลุ่มก็ยังมีเสียงดัง
ดูเหมือนหลินปิงจะสื่อสาร จะเข้าใจกับคนที่ดูแลมัน ตอนหลังหลินปิงเริ่มงอแงเหมือนเริ่มเบื่อ อยากเข้าไปด้านใน ไม่ยอมเดินออกมาเล่นปีนป่าย พวกเรายืนดูและถ่ายรูปได้สักพักก็เลยออกมา หลินปิงน่ารักจริงๆ ^_^
ออกมาด้านนอก เพื่อเดินไปขึ้นรถนำเที่ยวต่อไปยังที่อื่น บริเวณนั้นนอกจากจะมีโดมหิมะกับแพนด้าแล้วก็ยังมีสัตว์อื่นๆ ให้ชมด้วย
เสือ ที่อยู่ตรงข้ามกับส่วนจัดแสดงแพนด้า
ิสิงโตเจ้าป่า
ตัวเมียนอนอยู่บนคบไม้ ตัวผู้นอนอยู่ด้านล่าง
ใครที่อยากชมในมุมสูงก็มีรถรางไฟฟ้าให้บริการ
อูฐ
จากสถานีแพนด้าจะผ่านพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหรือ Aquarium จุดนี้จะจอดให้ลงด้วย ค่าเข้าชม 250 บาท สถานีต่อไปเป็นหมีโคอาล่าซึ่งเราสามารถไปอุ้มโคอาล่าถ่ายรูปได้ จะมีเสื้อให้สวมทับเพราะเล็บมันคม จากนั้นก็ผ่านมาที่สถานีอุรังอุตัง ต่อไปที่นกเพนกวินและแมวน้ำ แสดงสัตว์และวัวแดง
ภายในสวนสัตว์ในแต่ละสถานีอยู่ค่อนข้างไกลกัน ไม่สามารถที่จะเดินเที่ยวได้ ต้องขึ้นรถนำเที่ยวและไปลงแต่ละสถานีแล้วเดินชมจุดใกล้เคียง แล้วค่อยขึ้นรถต่อไปดูที่สถานีอื่น
ตัวอะไรจำชื่่อไม่ได้แล้วเหมือนเป็นพวกกวางผา กำลังมีูลูกตัวเล็กๆ น่ารักดี
นกกระจอกเทศ
ลานไม้กลายเป็นหิน
เมื่อครบทุกสถานีรถจะวนกลับมาที่เดิมตรงทางเข้า ดังนั้นหากเข้าไปแล้วก็แวะแต่ละจุดและดูให้ทั่วก่อนค่อยขึ้นรถไปต่อที่สถานี อื่น เพราะถ้ารถวนออกมาและอยากจะเข้าไปอีกก็ต้องซื้อตั๋วอีกรอบ จากที่ขึ้นรถมี Comment นิดหน่อย จริงๆ รถนำเที่ยวน่าจะขับช้ากว่านี้หน่อย เพราะระหว่างที่บรรยายรถขับเร็วเกินไป(เหมือนไม่ได้มานำเที่ยว) บางทียังไม่เห็นตัวสัตว์เลยก็ขับผ่านไปแล้ว -"-
หมดไปเกือบครึ่งวันสำหรับสวนสัตว์เชียงใหม่ ถ้าดูครบคงต้องใช้เวลานานกว่านี้ เป็นอีกที่หนึ่งที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเชียงใหม่ ที่ใครๆ ก็ต้องมาดูแพนด้า ซึ่งนอกจากจะมีแพนด้าน่ารักๆ ที่สวนสัตว์ไหนๆ ในประเทศไทยไม่มีแล้ว ก็ยังมีส่วนอื่นๆ ที่น่าสนใจอีก ถ้าไปเชียงใหม่ก็ลองไปเที่ยวดูนะคะ
ตอนหน้่าจะพาไปดูการทำร่มที่บ้านบ่อสร้างกันค่ะ
ขอบคุณที่มาเยี่ยมชม Blog ของ bombik ค่ะ