ก่อนปีใหม่(2012) หาร้านคาราโอเกะย่านเกษตร-นวมินทร์ ที่จะไปชิลล์รับปีใหม่กับที่ทำงาน ส่วนใหญ่ร้านเต็มยาวไปถึงปีใหม่ บังเอิญไปเจอร้านนี้ในกระทู้ Pantip บรรยากาศดีมาก ร้านสวยมาก เลยเปลี่ยนแผนจากคาราโอเกะมาทานข้าวชิลล์ๆ ที่ร้านนี้แทน ร้าน Chocolate Ville Dining in the park เปิดเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2011 เราไปกันครั้งแรกเมื่อ 28 ธันวาคม 2011 ร้านเพิ่งเปิดได้อาทิตย์เดียวเอง ร้านหาไม่ยากจากเกษตรศาสตร์ ตรงไปตามถนนเกษตร-นวมินทร์เรื่อยๆ พอสุดเส้นเกษตร-นวมินทร์ก็ตรงไปอีกนิด ร้านจะอยู่ซ้ายมือ เห็นกังหันอยู่หน้าร้าน ไม่ต้องกลัวหาไม่เจอ เข้ามาด้านในอลังการงานสร้างจริงๆ พื้นที่ร้านกว้างขวาง สิ่งก่อสร้างอารมณ์เหมือนอยู่เมืองนอก บรรยากาศดีมาก
มาร้านนี้ถ้าไม่มีรถมาเองจะลำบากสักหน่อย เพราะดูแล้วเหมือนไม่มีรถเมล์ผ่าน และถ้ามาแท็กซี่ ขากลับจะหาแท็กซี่กลับลำบากเพราะไม่ค่อยมีรถวิ่งผ่าน(ไปครั้งล่าสุด เห็นมีแท็กซี่จอดรออยู่ด้านหน้าค่ะ) เอารถมาเองที่จอดรถมีทั้งด้านหน้าและด้านใน วันที่มาครั้งแรก โทรจองโต๊ะไว้ มาถึงร้านประมาณเกือบทุ่มนึง ช่วงนั้นเป็นช่วงที่กรุงเทพฯ กำลังอากาศเย็น ได้บรรยากาศมาก
เมนูอาหารของร้าน มีอาหารนานาชาติทั้งอาหารฝรั่งอาหารไทย อาหารไทย-อีสาน ราคาอาหารก็สูงตามบรรยากาศร้านนิดนึง แต่ก็ถือว่าไม่แพงมาก ไม่มี Service Charge ถ้าเข้าไปใน Facebook ของทางร้านก็จะมีเมนูอาหารและราคาให้ดู
อุปกรณ์บนโต๊ะ
แก้วน้ำ
ครั้งแรกที่ไป ไปกัน 10 กว่าคน สั่งอาหารไปได้ช้ามาก บางอย่างที่สั่งก็หมด บางอย่างสั่งไปพนักงานก็ลืมจด (-"-) แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร เพราะเข้าใจว่าร้านเพิ่งเปิด ระบบอาจจะยังไม่เข้าที่เข้าทาง การกะประมาณวัตถุดิบอาจจะยังไม่ดี เพราะอาจจะคิดไม่ถึงว่าจะได้รับการตอบรับดีขนาดนี้ในช่วงเปิดร้าน เพราะวันที่ไปก็คนเยอะมากทั้งๆ ที่ร้านเพิ่งเปิด คาดว่าเป็นเพราะอิทธิพลจากอินเตอร์เน็ต มาดูอาหารที่สั่งบ้างเท่าที่ถ่ายรูปมาตามภาพก็มี
- Fish & Chips 275 บาท
- ขาหมูเยอรมัน 350 บาท
- พิซซ่า 215 บาท พิซซ่าเขาอร่อยดีนะ
- ส้มตำ 95 บาท
- ยำสามกรอบกรุ๊บกรุ๊บ 180 บาท
ไปครั้งแรกถึงแม้ว่าอาหารจะช้าและอาหารหลายอย่างที่สั่งหมด แต่ก็ยังประทับใจในบรรยากาศ ก็เลยมีครั้งที่สองตามมา ^_^ ครั้งนี้ตั้งใจจะไปก่อนพระอาทิตย์ตก จะได้เห็นวิวสวยๆ โทรไปจองโต๊ะแต่ปรากฏว่าโต๊ะเต็ม ถ้าโทรไปจองแล้วโต๊ะเต็มไม่ต้องตกใจ เพราะว่าเต็มในส่วนที่กันไว้สำหรับการจองทางโทรศัพท์แค่ 30% ทางร้านจะมีโต๊ะสำหรับ Walk in เยอะพอสมควรคือ 70% แต่ถ้า Walk in ควรมาก่อน 17.30 น. น่าจะชัวร์
ทางเข้าจากลานจอดรถด้านใน ที่จอดรถจะมีทั้งด้านหน้าและด้านใน เดินเข้ามาก็จะได้วิวที่ต่างกัน
สะพาน
เดินเข้ามาก็จะเป็นที่นั่ง ครั้งที่แล้วเรานั่งโซนตรงสะพานด้านหน้าโน้น
วันที่ไปมีลมเย็นๆ อากาศดีมาก
ที่นั่งอีกโซน ตึกขาวๆ ที่เห็นด้านหน้า พอมืดผนังตึกจะเหมือนเป็นจอสำหรับฉายภาพยนตร์
โซนที่เรานั่งมีหลังคาด้วย เพราะวันนั้นดูเหมือนฝนจะตก
เราไปครั้งที่สอง เมื่อ 19 มกราคม 2555 ร้านเปิดโซนนั่งทานอาหารหลายโซนมากขึ้น และคาดว่ากำลังจะเปิดโซนอื่นๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ให้เต็มพื้นที่ อย่างบริเวณนี้ที่มาครั้งที่แล้วก็ยังไม่มีโต๊ะ เรายังไปถ่ายรูปเล่นกันอยู่ตรงนี้เลย
ถึงแม้จะเปิดโซนเพิ่มขึ้น แต่ครั้งนี้อาหารไม่ได้ช้าเหมือนครั้งก่อน อาหารมาเร็วและไม่มีอาหารหมด หรือเรามาเร็วก็ไม่รู้นะ แต่คาดว่าการจัดการต่างๆ คงดีขึ้นและเริ่มลงตัวมากขึ้น มาที่นี่ต้องสั่งพิซซ่าเลย ครั้งที่แล้วติดใจ มาครั้งนี้เลยสั่งอีก พิซซ่า 3 ชีส 215 บาท
พิซซ่าแป้งบาง อร่อยดี
ซึ่โครงใหญ่มากสูตรดั้งเดิม Half Rack 5 ชิ้น 395 บาท รสชาติคล้ายๆ ไก่ย่างไม้ละ 5 บาทที่เป็นโครงไก่หมัก รสชาติ OK นะ แต่ไม่ค่อยได้เนื้อเท่าไหร่ ก็มันเป็นซี่โครงหมูนี่เนอะ
สลัดหมูเกาหลี 165 บาท จานนี้หมดหลังสุดเลย >_< หมูจะคล้ายๆ หมูหมักกับกิมจิ
หมีผัดกระเฉดกุ้งสด เหมือนเป็นเมนูธรรมดาๆ นะ แต่อร่อยดีชอบ ราคา 280 บาทแน่ะ
พิซซ่าอีกถาดนึง พิซซ่าฮาวาเอี้ยน 215 บาท
เติมพลังไปนิดนึง ก็มาเดินถ่ายรูปเล่นรอบๆ กันก่อน
มีคลองเล็กๆ อยู่รอบๆ ทำให้บรรยากาศดี
ฝั่งตรงข้ามกับที่เรานั่ง
ประภาคาร สามารถเดินขึ้นไปด้านบนได้ด้วยนะ
ที่นั่งอีกโซน ไม่ว่าจะนั่งโซนไหนก็สวยทุกโซน
ถ้ามากัน 2 คนนั่งตรงนี้ก็ได้บรรยากาศดี ที่นั่งจะเป็นเก้าอี้สูง โต๊ะเป็นถังเบียร์
อีกมุม
ด้านขวาที่เห็นเป็นอิฐส้มๆ บริเวณนั้นจะเป็นครัว
สะพานข้ามคลอง
ที่นั่งเกือบทุกโซนจะติดน้ำ
อาคารทั้งหลายที่สร้างขึ้น เป็นอาคารที่ด้านในใช้งานได้จริง ไม่ใช่แค่ฉาก
ครั้งที่แล้วที่มาเรานั่งโซนนี้
สะพานเริ่มเปิดไฟแล้ว
ตรงนี้ก็สวย มาที่นี่มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะมาก
สโนว์แมน
สโนว์แมนเหมือนขนมเลยอ่ะ
The Conservatory Garden ที่สะพานด้านนี้จะเขียนว่า Just Married
สะพานอีกด้านจะเขียนว่า Forever
มุมกว้าง
มองย้อนกลับไป
อีกด้านของประภาคาร
เดินข้ามมาฝั่งประภาคาร จะมีอาคารสร้างเรียงรายกันอยู่ ตรงนี้จะเป็น Chocolate Ville Tower คาดว่าบริเวณนี้ต่อไปน่าจะเป็นร้านค้าต่างๆ
ทางเดิน
นาฬิกาคลาสสิคมาก
ประภาคาร
ประตูด้านล่างประภาคารเปิดเข้าไปได้ ด้านในจะเป็นทางขึ้น วันที่เราไปเห็นคนขึ้นไปอยู่ด้านบน ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้ว ทางร้านอนุญาตให้ขึ้นไปหรือเปล่า
Village Maket & Deli ต่อไปคงมีร้านค้าให้ Shopping ด้วยแน่
สะพานอีกมุม สะพานนี้อลังการสุด
มองไปฝั่งตรงข้ามด้านขวามือ จะเป็นโซนที่เรานั่งอยู่
เราเดินออกมาสำรวจ ทางเข้าที่เข้ามาจากทางลานจอดรถด้านหน้า
บริเวณนี้ จะเป็นทางเดินที่เดินเข้ามาจากลานจอดรถด้านหน้า
ศาลาด้านหน้าสวยดี
ด้านหน้าของร้านบรรยากาศดี ^_^
ถังแก๊สสวยดี
กลับมาทานอาหารหวานก่อนกลับ
ครีมบูเล่ 85 บาท ข้างหน้าจะเหมือนเกล็ดน้ำตาลหวานๆ กรอบๆ บางๆ ข้างในจะเป็นเนื้อครีม รสชาติคล้ายๆ ไส้เอแคล
Honey Toast 165 บาท อร่อยดี พี่ที่ไปด้วยบอกว่าอร่อยพอๆ กับ Honey Toast ที่ร้าน After you เลย รสชาติเหมือนกัน
5 คน มื้อนี้จ่ายไป 1,745 บาท ก็ประมาณคนละ 350 บาท อิ่มมากๆ
ตู้จดหมายน่ารักดี
เวลากลับของเรา
ที่นี่ไม่ใช่แค่สวยแต่ด้านนอก ขนาดห้องน้ำยังสวย แอร์เย็นฉ่ำ
ห้องน้ำอีกที่หนึ่ง
เป็นร้านที่บรรยากาศดี โรแมนติก ไปแล้วประทับใจในความสวยงามของสถานที่ นั่งทานอาหารในบรรยากาศชิลล์ๆ มีมุมถ่ายรูปสวยๆ เยอะ อาหารรสชาติ OK ราคาอาหารก็พอสมควร ก็ถือว่าไปกินบรรยากาศด้วย ดูใน Facebook เห็นว่าทางร้านมีเปิดให้เป็นสถานที่ถ่าย Pre Wedding ด้วยนะ วันธรรมดาราคา 7,000 บาท เสาร์-อาทิตย์ 10,000 บาท
Facebook ร้าน Chocolate Ville //www.facebook.com/chocolateville
เว็บไซต์ร้าน Chocolate Ville //chocolateville.net
เบอร์โทรร้าน Chocolate Ville 083 077 3738 เปิดรับจองโต๊ะ 14.00 น.- 22.00 น.
จองโต๊ะออนไลน์ผ่าน Facebook //www.facebook.com/chocolateville
ร้านเปิด วันจันทร์ - อาทิตย์ 16.00 - 24.00 น.
แผนที่ร้าน แผนที่ร้านจาก Facebook ของร้านค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชม Blog ของ bombik ค่ะ แล้วแวะมาอีกนะคะ ^_^