ต่อจากตอนที่แล้ว พาเที่ยว ทำบุญ ไหว้พระ หาของกินในเมืองเชียงใหม่(2)
ตอนนี้เราจะพาไปไหว้พระกันต่อค่ะ ที่วัดเจดีย์หลวง วัดพระสิงห์ วัดสวนดอก และ วัดอื่นๆ และมื้อเย็นเราจะพาไปเดินหาของกินกันที่หลัง มช. และถนนนิมมานเหมินทร์กันค่ะ
มาตามถนนราชดำเนินเรื่อยๆ ถึงสีแยกกลางเวียง เลี้ยวซ้ายจะเจอกับวัดพันเตาที่เรามาเมื่อวาน ถัดมาอีกนิดก็จะเป็น วัดเจดีย์หลวง วรวิหาร หรือ เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า วัดโชติการาม
วัดเจดีย์หลวงเป็น วัดเก่าแก่ในจังหวัดเชียงใหม่ เป็นวัดขนาดใหญ่และมีเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุด เป็นพระอารามหลวงแบบโบราณสร้างขึ้นในระหว่างปี พ.ศ. 1928 -1945 ในสมัยพระเจ้าแสนเมืองมา
ต้นไม้เก่าแก่อายุนับร้อยปี ที่อยู่ภายในวัด จริงๆ ต้นสูงกว่านี้มาก แต่ยอดหักลงมาแล้วเนื่องจากอายุมาก ที่เราเห็นไม่ใช่ยอดคือกิ่งของลำต้น
ที่วัดนี้ยังมีเสาอินทขิล หรือ เสาหลักเมือง ของเชียงใหม่ ที่ย้ายมาจากวัดอินทขิลสะดือเมือง เชื่อกันว่าเป็นสิ่งที่ปกป้องคุ้มครองเมืองเชียงใหม่ ให้มีความอุดมสมบูรณ์ ปราศจากภัยอันตราย ซึ่งทุกปีต้องมีพิธีฉลองสมโภชเสาอินทขิลเป็นเวลา 7 วัน
เสาอินทขิล จะอยู่ในวิหารหลังนี้ค่ะ
ภายในวิหารของวัดเจดีย์หลวง เสาแต่ละต้นมีลวดลายสวยงามมาก
ภายในวิหารกว้างใหญ่ สวยงาม มีพระอัฏฐารสที่เป็นพระประธานประดิษฐานอยู่
พระอัฏฐารส เป็น พระพุทธรูปยืนปางห้ามญาติ สร้างในสมัยล้านนา เป็นศิลปที่ได้รับอิทธิพลมากจากสุโขทัย เบื้องซ้ายขวาจะมีพระสาวก คือพระโมคคัลลานะ และ พระสารีบุตร รอบๆ ก็จะมีพระพุทธรูปรายล้อมอยู่รอบๆ ซึ่งการหล่อพระต้องใช้เตาเป็นจำนวนมากในการหล่อ จึงสร้างเตาหล่อพระด้านข้าง ซึ่งในปัจจุบันคือวัดพันเตา ที่ได้รีวิวไว้ในตอนที่ 1 พาเที่ยว ทำบุญ ไหว้พระ หาของกินในเมืองเชียงใหม่(1)
สถานที่สำคัญอีกที่ในวัดเจดีย์หลวงคือ เจดีย์หลวง เป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่
เจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ ในอดีตมีความสูงมากกว่านี้ แต่ยอดของเจดีย์หักโค่นลงมาเมื่อครั้งที่มีแผ่นดินไหวใหญ่เมื่อปี 2088 ความสูงจึงเหลือเท่าในปัจจุบัน เจดีย์ด้านทิศตะวันออก ประดิษฐานพระพุทธเฉลิมสิริราช หรือ พระแก้วหยกเชียงใหม่
พระพุทธเฉลิมสิริราช หรือ พระแก้วหยกเชียงใหม่ สร้างขึ้นเมื่อปี 2537 ในระหว่างปี 2530 - 2540 ที่มีเหตุการณ์สำคัญ คือ พระเจดีย์หลวงครบ 600 ในปี 2539 เมืองเชียงใหม่ครบ 700 ปี ในปี 2539 และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชสมบัติครบ 50 ปี ในปี 2537
วิหารภายในวัดเจดีย์หลวง
หอธรรม และพิพิธภัณฑ์วัดเจดีย์หลวง
ตัวพระเจดีย์ได้รับการบูรณะมาหลายสมัย ในปัจจุบันมีฐานกว้างด้านละ 60 เมตร
สี่ด้านของเจดีย์ก็มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ทุกด้าน ทางขึ้นจะเป็นบันไดนาคสองฝั่ง
ด้านหลังของวัดเจดีย์หลวง จะมีพระพุทธรูปและพระนอน
พระพุทธรูป
พระปางไสยาสน์ หรือ พระนอน
ห่อมเครื่องทรงสีทอง งดงามมาก
ลองมองกลับมารอบๆ เจดีย์หลวงอีกครั้ง ด้านบนจะมีรูปปั้นช้างอยู่รอบๆ การสร้างรูปปั้นช้างไว้รอบๆ เป็นความเชื่อทางไสยศาสตร์ที่ว่า จะช่วยเสริมกำลังเมืองให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ศัตรูไม่กล้ามารุกราน
รอบเจดีย์มีช้างทั้งหมด 28 เชือก แต่เหลือเพียงไม่กี่เชือก เพราะบางจุดก็เหมือนจะหลุดไปแล้ว
พระวิหารจัตุรมุขบูรพาจารย์ เป็นที่บรรจุอัฐิธาตุและพระบรมสารีริกธาตุ ของพระเกจิอาจารย์ชื่อดังต่างๆ
วิหารพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
ทางขึ้น วิหารพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
ด้านในของวิหารพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต มีรูปปั้นเหมือนจริงของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ซึ่งเคยเป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวง ซึ่งที่นี่มีฟันกรามของท่านที่กลายเป็นพระธาตุด้วย
ลายฉลุลายแกะสลักสวยงามมาก
ออกจากวัดเจดีย์หลวงทางด้านข้าง ก็มาต่อกันที่ วัดชัยพระเกียรติ เดิมชื่อ วัดชัยผาเกียรติ เป็นวัดเก่าแก่อีกวัดหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่
สิ่งก่อสร้างภายในวัดเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมาใหม่แทนของเดิม ซึ่งได้ชำรุดและผุพังลงไปแล้ว
พระเจ้า 5 ตื้อ(สร้างจากทองจำนวน 5 ตื้อ) พระประธานในวิหารวัดชัยพระเกียรติ
วัดทุงยู เป็นวัดเก่าแก่อีกวัดหนึ่งสร้างในสมัยราชวงศ์มังรายเมื่อปี พ.ศ. 2019
วิหารของวัดทุงยู เป็นศิลปะแบบล้านนา
วัดศรีเกิด เป็นวัดเก่าแก่อีกเช่นกัน อายุเป็นร้อยปี ในภาพเป็นด้านหน้าวิหารวัดศรีเกิด
ด้านข้างวิหารวัดศรีเกิด
เมื่อมาจนสุดถนนราชดำเนิน ตัดกับถนนสามล้าน จะพบกับ วัดพระสิงห์ ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ และเป็นวัดที่มีความสำคัญอีกวัดหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ ด้านหน้าวัดจะต่างจากวัดอื่นๆ คือ มีพ่อค้าแม่ค้าขายดอกไม้ธูปเทียนอยู่หลายร้าน แสดงให้เห็นว่านักท่องเที่ยว นิยมเดินทางมาไหว้พระทำบุญกันที่วัดนี้
วัดพระสิงห์ เป็นพระอารามหลวง สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.1888 เดิมชื่อ วัดลีเชียงพระ ต่อมาพระเจ้าแสนเมืองมา โปรดให้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มาจากเมืองเชียงราย พอมาถึงหน้าวัดนี้ช้างไม่ยอมเดินต่อ จึงได้โปรดให้ประดิษฐาน พระพุทธสิหิงค์ไว้ที่วัดนี้ ชาวบ้านมักจะเรียกกันว่า พระสิงห์ จึงเป็นชื่อของ วัดพระสิงห์ในเวลาต่อมา ซึ่งในปัจจุบัน พระพุทธสิหิงค์องค์จริง ประดิษฐานอยู่ที่พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ ในกรุงเทพมหานคร ส่วนพระพุทธรูปที่อยู่ที่วัดนี้เป็นองค์จำลองที่สร้างขึ้นใหม่
พระประธานด้านในพระอุโบสถเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย เป็นศิลปะแบบล้านนาไทย
มีผู้คนมานมัสการกันมากมาย
หอระฆัง ศิลปแบบล้านนาประยุกต์ ด้านบนมีระฆังแบบใบระกาหล่อด้วยทองเหลืองทั้งแท่ง
อนุสาวรีย์พระยาเม็งรายมหาราช
วิหารที่อยู่ด้านหลัง
หน้าประตูมีลวดลายสวยงามมาก
พระเจดีย์ ในวัดพระสิงห์
จากนั้นเราเดินทางต่อไปวัดสวนดอก เราออกมาจากย่านคูเมืองเก่า ทางประตูสวนดอก เข้ามาทางถนนสุเทพ ถนนที่จะมุ่งหน้าไปมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระหว่างทางเริ่มหิวแวะซื้อซาลาเปา เป็นรถขายซาลาเปาน่ารักดี
รสชาติใช้ได้นะ ^_^
แล้วเราก็มาถึง วัดสวนดอก ด้วยบรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนมากมาย >_< บรรยากาศแบบนี้ทำให้เจดีย์สีทองของวัดนี้ ดูสุกสว่างมาก วัดสวนดอก หรือ วัดบุปผาราม นี้สร้างในสมัยพระเจ้ากือนาธรรมิกราช
พระเจดีย์สีทองที่เห็น เป็นพระบรมธาตุเจดีย์ สร้างสมัยพระเจ้ากือนาธรรมิกราช พ.ศ.1916 เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งพระสุมนเถระนำมาจากกรุงสุโขทัย
พระเจดีย์เป็นศิลปะลังกาวงศ์ผสมล้านนา
ที่วัดนี้มี กู่เจ้านายฝ่ายเหนือ เป็นอนุสาวรีย์ที่เก็บอัฐิของอดีตเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ทั้ง 9 พระองค์ และ พระราชชายาเจ้าดารารัศมี ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รวมทั้งอัฐฺของเจ้านายผู้ถือกำเนิดโดยตรงจากเจ้าหลวงเชียงใหม่(ณ เชียงใหม่)
กู่ที่เป็นจุดศูนย์กลางคือ กู่ของพระเจ้ากาวิละ เจ้าหลวงองค์ที่ 1 แห่งราชวงศ์กาวิละ และรอบๆ ก็จะเป็นกู่ของเจ้าหลวงองค์ต่างๆ และเจ้านายชั้นสูงรายรอบ บริเวณนี้มีกู่ของเจ้ากอแก้วประกายกาวิน ณ เชียงใหม่ด้วย ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกู่เจ้านายฝ่ายเหนือ คลิกที่นี่ค่ะ
หลังจากนั้นก็เดินทางต่อไปยังหลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อไปตามหาไข่เจียวดาว ระหว่างทางฝนตกหนักมาก เลยแวะหาอะไรรองท้องก่อน นึกว่าเป็นสาขาของโจ๊กสมเพชร แต่จริงๆ ไม่ใช่ เข้าใจผิด >_<
วิวดอยสุเทพ
ในที่สุดก็มาถึงย่านประตูหลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รีวิวไว้แล้วที่ >> พากิน ฝ่าฝนไปเดินตามหาไข่เจียวดาว หลัง มช.
มาต่อด้วยร้านมนต์ ที่ถนนนิมมานเหมินทร์
แวะมากินขนมปังและนมอร่อยๆ มากินที่เชียงใหม่ได้บรรยากาศดี
ต่อด้วยไส้กรอกคุณยาย นิมมานฯ เชียงใหม่ เราชอบนะ อร่อยดี มีทั้งไส้กรอกและไส้อั่ว ไส้มีหลายแบบ ชอบไส้ที่เป็นวุ้นเส้นอร่อยดี นึกแล้วก็อยากกินอีก
พาเดินไหว้พระมาหลายวัดแล้วนะคะ อ้อ ลืมบอกไปนะคะว่าวัดทั้งหมดนี่เราใช้วิธีการเดินทาง ด้วยการเดินนะคะ อึดกันมากมาย วันต่อไปเราก็ยังคงไปไหว้พระกันค่ะ ไปเชียงใหม่ครั้งนี้เน้นเที่ยววัด ไหว้พระ ชมสถาปัตยกรรมเก่าๆ จริงๆ เนื่องจากช่วงนั้นเป็นวันสำคัญทางศาสนา และ ฝนตกตลอด เลยได้แต่เที่ยวอยู่ในเมือง ไม่อยากไปไหนไกล ยังไงก็ติดตามชมตอนหน้านะคะ จะพาไปไหว้พระกันต่อ
ข้อมูลของวัดบางส่วนจาก //th.wikipedia.org
พาเที่ยว ทำบุญ ไหว้พระ หาของกินในเมืองเชียงใหม่(4)
- 5 reads
ต่อจากตอนที่แล้ว พาเที่ยว ทำบุญ ไหว้พระ หาของกินในเมืองเชียงใหม่(3)
เช้าวันที่ 2 ในเมืองเชียงใหม่ เมื่อคืนฝนตกทั้งคืนทำให้ตรงแยกกลางเวียงมีน้ำท่วมขัง ตอนเช้าก็ยังมีฝนตกปรอยๆ แพลนของวันนี้ช่วงเช้าเราจะไปม่อนแจ่ม แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไป เลยเปลี่ยนแผนขี่จักรยานเล่นรอบเมือง(ท่ามกลางสายฝน) แทน
น้ำที่ท่วมบริเวณแยกกลางเวียง
เราออกจากที่พักแต่เช้า มุ่งหน้าไปที่ร้านข้าวมันไก่เกียรติโอชา เพื่อทานมื้อเช้ากัน ผ่านวัดอินทขิล เดินตรงไปเรื่อยๆ ร้านข้าวมันไก่เกียรติโอชารีวิวไว้แล้วที่ >> พากิน ของกินในเมืองเชียงใหม่ : ข้าวมันไก่อร่อยๆ ร้านเกียรติโอชา
หลังจากกลับจากร้านข้าวมันไก่เกียรติโอชา ก็กลับมาเก็บของเพื่อ Check Out ออกจากที่พัก คืนนี้เราย้ายที่พักไปพักที่ Chacho House & Cozy Hotel ที่ได้รีวิวไว้แล้วที่ >> ที่พัก : Charcoa House & Cozy Hotel จ.เชียงใหม่ พอ Check in แล้วเราเช่าจักรยานออกไปขี่เที่ยวในเมืองกัน
ขี่จักรยานมุ่งหน้าไปทานมื้อกลางวันกัน ที่ร้านข้าวซอยเสมอใจ ย่านวัดฟ้าฮ่าม ที่ได้รีวิวไว้แล้วที่ >> พากิน ของกินในเมืองเชียงใหม่ : ร้านข้าวซอยเสมอใจ(ฟ้าฮ่าม)
เส้นทางที่ขี่จักรยาน เป็นถนนเจริญราษฎร์ซึ่งขนานไปกับแม่น้ำปิง เห็นป้ายเรือหางแมงป่องเลยแวะไปชม เป็นเรือที่ล่องชมลำน้ำแม่ปิง หรือ ที่ชาวต่างชาติเรียกว่า Scorpion tailed River Criuse จะมีการล่องเรือเป็นรอบๆ หรือจะเหมาลำล่องปิงก็ได้
จากนั้นเราก็เดินทางต่อไป ผ่านวัดเกตการาม ก็แวะเข้าไปไหว้พระและหลบฝน เพราะฝนเริ่มตกอีกแล้ว >_< วัดเกตการาม เดิม ชื่อวัดสระเกต เป็นวัดเก่าแก่ของเมืองเชียงใหม่ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.1971 สร้างโดยพระเจ้าสามฝั่งแกน
ที่วัดนี้มีพิพิธภัณฑ์ด้วย ซึ่งน่าสนใจทีเดียว เป็นที่รวมรวมข้าวของเครื่องใช้ เครื่องดนตรี ผ้า และของเก่าอื่นๆ ที่สามารถบอกเล่าเรื่องราวในอดีตได้ดี พิพิธภัณฑ์เป็นอาคารไม้ชั้นเดียว ซึ่งแต่เดิมเคยเป็นกุฏิของเจ้าอาวาส
ป้ายชื่อพิพิธภัณฑ์อีกอัน พิพิธภัณฑ์วัดสระเกษโดยชาวบ้านวัดเกต
ประวัติวัดและพิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑ์วัดเกต เป็นสถานที่ที่รวบรวมหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของชุมชน สิ่งของที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ คือ สมบัติเก่าของวัด เช่น พระพุทธรูป ช่อฟ้า ใบระกาซึ่งเป็นไม้แกะสักจากโบสถ์หลังเก่า ถ้วยชาม ภาชนะต่างๆ และสิ่งของที่ได้รับบริจาคมา ซึ่งยังแบ่งเป็นกลุ่มต่างๆ เช่น เครื่องดนตรี ผ้าโยราณและเครื่องแต่งกาย
ด้านนี้จะเก็บรวมรวมเครื่องดนตรีเก่าแก่
ด้านข้างของพิพิธภัณฑ์จะเป็นหอระฆังของทางวัด
เข้ามาชมในพิพิธภัณฑ์กันค่ะ บริเวณนี้จะเป็นพระพุทธรูปและสิ่งของเครื่องใช้ของสงฆ์ เข้าไปกราบไหว้ได้
ด้านนี้จะเป็นถ้วยชามเก่าแก่ และ ที่มีการขุดค้นพบ
โตกโบราณ
จุดเริ่มตินของการก่อตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ใบลานและถาดโบราณ
พิพิธภัณฑ์ใบลานที่มีอายุกว่าร้อยปี ด้านซ้ายเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่
ด้านนี้ก็จะเป็นเครื่องใช้ ที่บริเวณผนังก็จะเป็นเขาสัตว์ต่างๆ
ถ้วยชามเก่าแก่
ผ้าโบราณ
เครื่องใช้โบราณ ตะเกียงและเครื่องพิมพ์ดีดี ที่มีคนบริจาคมา
ถ้าชิ้นไหนใครบริจาคก็จะมีชื่อเขียนไว้ ว่าได้รับบริจาคมาจากใครเมื่อใด
เครื่องใช้เก่าแก่ภายในบ้าน
ถาดโบราณ และ ตะข้อง(ไม่แน่ใจว่าเรียกแบบนี้หรือเปล่า)
บริเวณด้านนอก มีเรือโบราณที่ขุดจากไม้
อาคารด้านข้าง
อาคารด้านข้าง
จากพิพิธภัณฑ์เดินเข้ามาจะเจอวิหารของวัดเกตการาม เป็นวิหารที่มีความสวยงามมาก บันไดทางขึ้นมีนาคสองฝั่ง
ด้านในวิหารก็สวยงามมาก
พระประธานในพระวิหาร
บันไดทางขึ้น-ลง วิหาร
ตรงนี้เหมือนเป็นเครื่องเซ่น
พระอุโบสถหลังเล็กที่อยู่ด้านหน้าวิหาร ไม่เปิดให้เข้าชม ใช้เฉพาะในพิธีอุปสมบทเท่านั้น และห้ามผู้หญิงเข้า ด้านหน้าสองข้างของบันได มีนาคเลื้อยสองข้างซึ่งสวยงามมาก
ด้านหน้าสองข้าง มีตัว(อะไรไม่ทราบ ใครรู้ช่วยบอกหน่อยนะคะ) และบานประตูมีการสลักลายเทพพนมสวยงามมาก
ด้านข้างของพระอุโบสถ
ด้านนี้จะเป็นโรงเรียนนักธรรมสำนักวัดสระเกษ
เป็นเรือนไม้มีการฉลุลายที่หน้าจั่วสวยงาม
ร่มรื่น
บริเวณบานประตูของโรงเรียนนักธรรม ฉลุลายสวยงาม
และสถานที่สำคัญอีกอย่างภายในวัดสระเกษคือ เจดีย์พระธาตุเกษแก้วจุฬามณี ซึ่งเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนปีจอ จริงๆ แล้วพระธาตุประจำวันเกิดของคนที่เกิดปีจอ คือ เจดีย์พระเกศแก้วจุฬามณี ที่อยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ซึ่งเป็นที่เก็บรักษาพระเขี้ยวแก่้ว เครื่องทรงและพระเมาลี ของพระพุทธเจ้าครั้งออกผนวช บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มนุษย์ไม่สามารถที่จะเข้าไปถึงได้ จึงมีเรื่องเล่าว่าพระอินทร์นำพระธาตุเจดีย์มาแขวนไว้ให้ผู้คนได้สักการะใน ประเทศพม่า บริเวณริมหน้าผา นั่นก็คือพระธาตุอินแขวน ที่ตั้งอยู่บนก้อนหินที่อยู่ริมหน้าผา ซึ่งเชื่อกันว่าด้านล่างของพระธาตุบรรจุพระเกศาธาตุไว้ ซึ่งพระธาตุเกษแก้วจุฬามณี ที่วัดเกตการามนี้ ถูกกำหนดให้เป็นตัวแทนของพระธาตุเกศแก้วจุฬามณีอีกองค์ ที่ให้ประชาชนได้สักการะกันที่เชียงใหม่ ไม่ต้องเดินทางไกลไปจนถึงประเทศพม่า
คำบูชาพระะาตุเกษแก้วจุฬามณี
ด้านข้างของพระวิหาร
วันที่เราไปโชคดีมาก ทางวัดกำลังมีพิธีสรงน้ำพระธาตุและการห่มผ้าพระธาตุ ซึ่งเป็นงานประจำปีของวัดเกตการาม การสรงน้ำพระธาตุเราก็จะนำน้ำไปใส่ไว้ในบาตร เมื่อน้ำเต็มก็ช่วยกันดึงเชือกขึ้นไป เหมือนกับดึงขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ การสรงน้ำองค์พระธาตุ ก็เหมือนกับการได้สรงน้ำพระพุทธเจ้า เพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิต
เมื่อน้ำขึ้นไปถึงด้านบนก็จะเทรดองค์พระธาตุ สังเกตว่าส่วนยอดขององค์พระธาตุจะเอียงเล็กน้อย ซึ่งเป็นความตั้งใจที่จะสร้างให้ยอดพระธาตุเอียง เนื่องจากเป็นการแสดงความเคารพ ต่อพระธาตุองค์จริงที่อยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
บริเวณที่ทำบุญ ดอกไม้ น้ำอบ น้ำหอม และน้ำสรงพระธาตุ
ด้านปลายของเชือกที่ดึงน้ำสรงพระธาตุขึ้นไป ก็จะมีคนช่วยเก็บเชือกอยู่
เมื่อออกมาจากวัดเกตการาม ก็เจอขบวนแห่ซึ่งเป็นขบวนแห่เนื่องในวันวิสาขบูชา
ขบวนแห่ จะเห็นว่าคนด้านหน้าจะถือเชือกสองด้าน
รถในขบวนแห่
ตอนหน้าจะพาไปไหว้พระวัดที่เก่าแก่ที่สุดในเชียงใหม่ วัดเชียงมั่นค่ะ
พาเที่ยว ทำบุญ ไหว้พระเชียงใหม่ ตอนอื่นๆ
ขอบคุณที่มาเยี่ยมชม Blog ของ bombik ค่ะ แล้วแวะมาอีกนะคะ ^_^